ความจริงการใช้บัตร JR Pass มีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงความสะดวกแล้วยังไงเจอาร์พาสก็สะดวกกว่าเครื่องบิน ด้วยขั้นตอนกระบวนการของการบินสำหรับการเดินทางระยะใกล้จึงค่อนข้างวุ่นวาย แต่ถ้าเทียบกันด้วยการเดินทางระยะไกล เครื่องบินย่อมดีกว่า 

การใช้เจอาร์พาสไม่ว่าประเภทไหนให้คุ้มที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ดี ก่อนนำต้นขั้วที่ซื้อจากเอเจนซี่ในกรุงเทพฯ ไปขึ้นตั๋วที่เคาน์เตอร์ของเจอาร์เราต้องวางแผนการเดินทางไว้ก่อนโดยละเอียด เพราะต้องใช้เวลาเข้าคิวเพื่อออกบัตรเจอาร์พาสพอสมควร หากวางแผนมาแล้วว่าวันแรกเราจะไปสิ้นสุดการเดินทางที่ไหน หรือมีการเดินทางมากกว่า 1 ครั้งก่อนถึงจุดหมาย เราจะต้องดูตารางคร่าวๆ จาก Google Maps หรือเว็บไซต์ HyperDia เลือกเวลาที่จะออกหรือเวลาที่จะไปถึงจากต้นทางถึงปลายทาง จดเที่ยวรถไฟไว้ แล้วกรอกทุกอย่างลงฟอร์มยื่นให้เจ้าหน้าที่ ทางนั้นก็จะออกตั๋วมาให้สำหรับรถไฟเที่ยวที่ต้องจองที่นั่ง โดยเฉพาะชิงกันเซ็ง เพราะถ้าไม่จองโอกาสที่ต้องยืนตลอดทางอาจเกิดขึ้นได้ในเที่ยวรถที่คนเยอะ 

ส่วนความคุ้มราคาให้คำนวณง่ายๆ ว่าใช่บริการรถไฟชิงกันเซ็งที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะใช้แค่ไปกลับก็คุ้มแล้ว จะได้ไม่ต้องวางแผนเที่ยวแบบมากมายเพื่อให้คุ้มราคาที่สุด 

การเปลี่ยนรถไฟหลายต่ออาจจะดีกว่าการเดินทางแบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวน บางครั้งต้องดูว่าบางขบวนเป็นรถช้า บางขบวนเป็นเอกซ์เพรสแต่ต้องเปลี่ยนขบวนบางช่วง ซึ่งบางครั้งย่นเวลาไปถึง 1 ชั่วโมง ถ้าอยากรีบถึงปลายทางอาจเปิด Google Maps แล้วเปลี่ยนขบวนกลางทางก็ยังไหว

ข้อเสียของการใช้เจอาร์พาสคือ ไม่ใช่ทุกขบวนที่ใช้เจอาร์พาสได้ ต้องศึกษาก่อนว่าเส้นทางที่เราจะไปเป็นรถไฟของบริษัทอื่นหรือเปล่า ถ้าใช้รถไฟของบริษัทอื่นก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเจอาร์พาสก็ได้ โดยเฉพาะรถไฟใต้ดินทั้งหมดใช้เจอาร์พาสไม่ได้

แนะนำให้ซื้อบัตรเติมเงิน Pasmo หรือ Suiga ติดตัวไว้เสมอ เพราะบางช่วงเราจะได้ใช้บัตรเติมเงินได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปหยอดตู้อีก

ขอให้สนุกกับการเดินทางด้วยเจอาร์พาส