×

รู้จักกับ 5 อาชีพในธุรกิจท่องเที่ยวและ “เพื่อนเดินทาง” ของพวกเขา

ธีรดา มูลศิริ | Editorial Manager | 14 June 2018

ถ้าติดตามเฟซบุ๊ก เพื่อนเดินทาง Traveller’s Companion ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราไปคุยกับคนมากมาย ทั้งบล็อกเกอร์ ดารา ศิลปิน เพื่อล้วงลึกความลับเกี่ยวกับ “เพื่อนเดินทาง” ของพวกเขา พอคุยไปคุยมาก็เกิดคำถามขึ้นว่า “แล้วคนที่ประกอบอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดล่ะ อาชีพที่หลายคนมองว่าโก้เก๋ ได้ไปเที่ยวสบายๆ มันมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่านะ”

ไหนๆ ก็สงสัยแล้ว เราเลยอาสาไปหาคำตอบมาให้โดยผ่านมุมมองของนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ประชาสัมพันธ์โรงแรม มัคคุเทศก์ ไปจนถึงแฟนเพจโปรโมชันท่องเที่ยว



บันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน
นักบินของสายการบินในประเทศไทย ประสบการณ์ 9 ปี


“มองจากภายนอกแล้วอาชีพนักบินอาจดูดี สบาย ได้ไปเที่ยว แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้คือเราผ่านการเรียนมาอย่างหนัก สอบแข่งกับคนหลายร้อยหลายพัน สอบใบอนุญาตเครื่องบิน เข้าสายการบินมาก็ต้องฝึกบินเครื่องใหญ่ อย่างต่ำใช้เวลาประมาณ 2 ปี และความจริงแล้วอาชีพนักบินก็สามารถแยกได้เป็นหลายคาแรกเตอร์ อย่างง่ายๆ ที่สุดคือ Full Service กับ Low Cost อย่างแรกก็อาจได้บินลงแล้วค้างสักคืนก่อนกลับ แต่อย่างหลังนี่บินกันวันละ 3-4 เที่ยว เพราะทุกอย่างคือต้นทุน บางครั้งพอแลนด์แล้วเราได้ไปเที่ยวก็จริง แรกๆ ก็สนุกนะ ออกไปเดินเล่น กินอาหารอร่อยๆ ตกดึกกลับมานอน รุ่งเช้าก็บินกลับบ้าน แต่ลองคิดดูว่าไปที่เดิมซ้ำๆ เป็นปีๆ ไปบ่อยๆ ก็หมดความตื่นตาตื่นใจ อย่างเส้นทางกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น บินข้ามคืนไป พอแลนด์ก็เหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกไปไหน

“นักบินคืออาชีพที่แบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบสูง เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ ถ้าหมอพลาดครั้งเดียว คนเสียชีวิต 1 คน แต่ถ้านักบินพลาดครั้งเดียว ผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 300 คนคือไปทั้งหมดเลย ถึงไฟลต์หนึ่งจะใช้ Autopilot ประมาณ 95% ตามที่โรงงานเครื่องบินแนะนำมา แต่การตัดสินใจของคอมพิวเตอร์กับคนนั้นแตกต่างกัน เช่น ถ้าเราไปเจอเมฆฝน ระบบอาจถูกตั้งคำสั่งไว้ว่าให้เปลี่ยนเส้นทาง อ้อมไปเลย แต่นักบินสามารถประเมินสถานการณ์แล้วตัดสินใจได้ว่าจะบินต่อในเส้นทางเดิมถ้าเมฆฝนไม่เป็นอันตราย ถ้าให้ระบบคอมพิวเตอร์คุมอย่างเดียว บินอ้อมไปก็กินน้ำมันเยอะขึ้น ถึงจุดหมายช้าลง แล้วอาจไปกระทบผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องอีก เพราะฉะนั้นหน้าที่จริงๆ ของนักบินคือเราต้องคิดนำหน้าเครื่องบินเสมอ”

What’s Your Companion?
“เพื่อนเดินทางของเราคือ Pocket WiFi เพราะตอนนี้การติดต่อสื่อสารสำคัญมาก ต้องใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำอาชีพนี้แล้วพอได้ตารางมาก็ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวมากเท่าไหร่หรอกก่อนไปบิน ไม่ได้รีเสิร์ชว่าควรจะไปไหน กินอะไร เดินทางในเมืองยังไง จะให้ซื้อซิมทุกประเทศก็ไม่ไหว เราเลยเลือกใช้ Pokefi เครื่องเดียวไปเลย ใช้เที่ยวได้ทั่วโลก ไม่วุ่นวายดี”


ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินในประเทศไทย (อดีตสายการบินในเกาหลี) ประสบการณ์ 7 ปี


“การจะเข้ามาทำอาชีพนี้ได้หลักๆ แล้วทุกคนต้องมีบุคลิกภาพที่ดี ฉะนั้นไม่แปลกที่คนภายนอกจะมองว่าอาชีพนี้สวย ดูดี ไม่เหนื่อยอะไรมาก เพราะหน้าตาของลูกเรือแต่ละคนดูสดชื่นแจ่มใสอยู่ตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วในการทำงานของเราต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง หลักๆ เลยก็น่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ เช่น Jet Lag โรคกระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวดหลัง ปวดเท้า แถมบางคนยังต้องเจอกับปัญหาโรคเครียด โรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็แล้วแต่ลักษณะการทำงานหรือลักษณะของผู้โดยสารที่ต้องเจอเป็นประจำตามแต่สายการบิน (ซึ่งอันนี้จากประสบการณ์แล้ว ขอยืนยันว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกค่ะ)



“บางคนอาจคิดว่า แหม เดี๋ยวจบไฟลต์ก็ได้ไปเที่ยวแล้ว จะอะไรนักหนา จริงๆ เราม่ได้มีเวลาไปเที่ยวนักหรอกค่ะ ค้างคืนเต็มที่ก็ 2 คืน (ขึ้นอยู่กับ base ของแต่ละสายการบิน) ไหนจะต้องเจอกับอาการอ่อนเพลียเนื่องจากปัญหาการนอน การเดินทาง ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ง่ายเลย เพราะโรงแรมที่สายการบินจัดไว้ให้อยู่ไกลย่านท่องเที่ยวเหลือเกิน เพราะฉะนั้นการเที่ยวที่มีความสุขที่สุดของลูกเรือคือวันหยุดยาวที่จะต้องขอกันล่วงหน้าเป็นเดือนๆ นั่นแหละ ถึงจะได้เที่ยวแบบเต็มที่

“ลักษณะการทำงานก็ต้องแข่งกับเวลา เรียกว่าเรานับกันเป็นนาทีจริงๆ เช่น เวลาลูกเรือถามว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว เวลา 13:35 นาที เราจะไม่ตอบว่าบ่ายครึ่ง เพราะ 5 นาทีของเรามีค่าและทำอะไรได้หลายอย่างจริงๆ 5 นาทีนี้เราสามารถเอาไป brew กาแฟเตรียมเซอร์วิซ ตรวจเช็กห้องน้ำได้อีก (ได้ตั้ง 2 งานเลยนะ) และในการทำงานบนเครื่องก็ต้องเจอกับปัญหาที่ไม่คาดคิดได้อีก ตั้งแต่เด็กร้องไห้ไม่หยุด อาหารเสิร์ฟไม่พอ ไปจนถึงผู้โดยสารไม่หายใจ แถมเครื่องบินก็เป็นสถานที่ปิดด้วย ไม่ว่าเกิดปัญหาอะไรก็ตามเราไม่สามารถที่จะตามหมอ หรือหาข้าวหาปลามาเพิ่มจากไหนได้ ทุกอย่างต้องอาศัยไหวพริบ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าล้วนๆ”

What’s Your Companion?
“สิ่งที่ต้องพกไปบินเป็นประจำคือมือถือ มือถือคือชีวิต มีหนัง มีเพลง มีหนังสือ มีกระทั่งแมนนวล แล้วก็ต้องไม่ลืมเอาหูฟังไปด้วย แต่ถ้าไปเที่ยวด้วยตัวเอง สิ่งที่พกไปด้วยคือ ID Card (บัตรพนักงาน) พกไปทุกที ไม่ได้ทำงานก็พก เพราะซื้อของใน Duty Free ประเทศไหนก็ได้ลดราคา บางร้านค้าในเมืองก็มีส่วนลดให้ด้วยนะ (นี่แหละผลตอบแทนจากการทำงานที่แท้จริง) อีกอย่างก็กล้องถ่ายรูปค่ะ เอาไว้บันทึกความทรงจำ”



แอร์แขก

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินในตะวันออกกลาง ประสบการณ์ 6 ปี


“จริงๆ แล้วเป็นเรื่องดีนะที่คนเลือกเสพด้านดี ด้านบวกของอาชีพเรา ถึงคนจะมองว่าอาชีพเราได้ Benefit ดี เดินลากกระเป๋าไปบินสวยๆ ได้ตั๋วฟรี ได้นอนโรงแรมฟรี แต่ความจริงแล้วภายใต้การทำงานก็มีความยากลำบากเหมือนกัน อย่างสายการบินที่เราทำงานอยู่ตอนนี้มีลูกเรือกว่า 100 สัญชาติจากทั่วโลก เราต้องทำงานกับคนหลายเชื้อชาติ ร้อยพ่อพันแม่ ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เลยเป็นเรื่องง่ายมากๆ ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นตอนทำงาน On Board ตัวเราเองต้องมีสติในการทำงาน หลีกเลี่ยง และพยายามให้เกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด

“เรื่องสุขภาพร่างกายก็เริ่มมีปัญหา เราใส่ส้นสูงตลอดทำให้ปวดเท้า ตอนเข็น Cart หนักๆ ในชั้นประหยัดก็ทำให้ปวดหลัง พอได้เลื่อนไปเสิร์ฟในชั้นธุรกิจ ถือถาดหนักๆ ก็ทำให้ปวดข้อมือ

“เรื่องเที่ยวเราได้เที่ยวก็จริง แต่อย่างไฟลต์บินไปอเมริกา 15 ชั่วโมง เราต้องคอยดูแลผู้โดยสารตลอด ต้องยืน ต้องเดินไปเดินมาตลอดเวลา ได้แปะมือกับเพื่อนร่วมงานเพื่อไปนอนพักแค่ 4 ชั่วโมง พอแลนด์แล้วบางทีก็ Layover คืนเดียว ถึงจะออกไปเที่ยวได้ก็ต้องออกไปทั้งๆ ที่ร่างกายมันเหนื่อย มันเพลีย ต้องแบกรับให้ไหว แต่ยังไงเราก็รักอาชีพนี้ ชอบทำ และมีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วัน ถ้าเลือกได้ก็จะยังเลือกทำงานกับสายการบินเช่นเคย”


What’s Your Companion? “เราจะพกกล้องถ่ายรูปไปด้วยทุกครั้ง เพราะคิดว่าตัวเองมีโอกาสได้ไปเห็นสิ่งสวยๆ ทั่วโลก เลยอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ แล้วอีกอย่างเพจของเราแชร์ทั้งเรื่องชีวิตของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและเรื่องท่องเที่ยวไปด้วยในตัว เราก็อยากให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่เราเห็น ได้เห็นว่าโลกนี้มันสวยนะ มันแตกต่างนะ ซึ่งภาพถ่ายนี่แหละถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีที่สุด” - แอร์แขก (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน)

“ถ้าไปเที่ยวเองก็จะไม่พกอะไร ไม่ติดอะไรเลย ทิ้งตัวมาก แล้วตั้งใจดื่มด่ำทุกอย่างของโรงแรมให้มากที่สุด” - สุนิสา พลสิทธิ์ (พีอาร์โรงแรม)



สุนิสา พลสิทธิ์ (จูบี้)
Communications Manager, Delivering Asia Communications ประสบการณ์ 13 ปี


“เราทำงานพีอาร์ให้กับหลายๆ โรงแรมทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ข้อดีก็คงอย่างที่ใครๆ อิจฉาคือได้เดินทางท่องเที่ยวตลอด ได้ทำงานท่ามกลางบรรยากาศที่ดี ทะเล ภูเขา แม่น้ำลำธาร ได้นอนโรงแรมดีๆ กินอาหารดีๆ มีรูปให้เช็กอินสวยๆ แต่รูปที่เห็นสวยๆ ความจริงเป็นแค่เสี้ยวนาทีของทั้งทริปที่ว่างมาทำอะไรแบบนั้น เพราะทุกครั้งที่ไปทำงานออกทริปจะวุ่นวายมากๆ แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ข้าวของ เตียงนอนนุ่มๆ ในโรงแรมไม่เคยได้ดื่มด่ำ บางทริปเรียกได้ว่าผ้าปูที่นอนเรียบกริบ ไม่ได้นอน อยู่นอกห้องตลอด ต้องคอยประสานงานโน่นนี่เพื่อความเรียบร้อยของทริป

“เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่นักข่าวมาถึงโรงแรม ต้องดูแลการเช็กอิน คนไหนอยู่ห้องไหน ชั้นอะไร ต้องการเตียงคู่หรือเตียงเดี่ยว รับประทานอาหารอะไรได้บ้าง แพ้อะไรบ้าง ใครถูกกับใคร ไม่ถูกกับใคร ต้องวางแผนการทำกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันให้ดีๆ ไม่ให้เกิดข้อพิพาท ต้องมีการประชุมงาน สำรวจพื้นที่ สแตนด์บายก่อนการทำกิจกรรม ไหนจะงานเอนเตอร์เทนสื่อมวลชน บางทีถึงตีห้า (จนได้ฉายาว่า จูบี้ตีห้า) นักข่าวบางคนกลัวผี กลัวจิ้งจก กลัวบลา บลา บลา ต้องหอบข้าวของไปนอนเป็นเพื่อนก็มี

“บางทีก็ต้องไปตามล่าหารูปภาพ หาข้อมูลที่นักข่าวต้องการมาให้ได้ เช่น พี่อยากได้ภาพกิจกรรมทางทะเล เอาตอนนี้ (ตอนเที่ยง) ส่งข่าวก่อนบ่ายสอง’ เราก็ต้องตาลีตาเหลือก ตากแดดแผดเผาไปว่ายน้ำ พายเรือแคนู ตะเกียกตะกายปีนเซิร์ฟบอร์ดอยู่ในทะเล อะไรก็ว่ากันไปกลางแดดเปรี้ยง เพื่อให้ได้ภาพมาให้ทันเวลา เคยมียากสุดคืออยากได้ภาพปะการังใต้น้ำ เอาเดี๋ยวนี้!”

What’s Your Companion?
“ถ้าเป็นทริปทำงาน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank เนี่ยแหละ ต้องพกติดตัวตลอดเวลา โทรศัพท์มือถือรุ่นไหนที่ว่าแบตทนๆ แล้วยังต้องแพ้ให้กับงานพีอาร์ เพราะเราต้องติดต่อสื่อสาร ประสานงานตลอดเวลา ถ่ายรูป ส่งเมล พิมพ์ข่าว หาข้อมูลอะไรต่อมิอะไรก็ทำในมือถือหมด เราต้องเดินไปตรงนั้นตรงนี้ ไม่ได้อยู่ในห้องหรือนั่งชาร์จแบตนิ่งๆ เลยต้องพกไว้ตลอด เคยแบตหมดอยู่ครั้งหนึ่งประมาณ 30 นาที แล้วลืมเอาแบตเตอรี่สำรองมา โอ้โห เปิดมาอีกที 20 กว่ามิสคอล

“แต่ถ้าไปเที่ยวเองก็จะไม่พกอะไร ไม่ติดอะไรเลย ทิ้งตัวมาก แล้วตั้งใจดื่มด่ำทุกอย่างของโรงแรมให้มากที่สุด เหมือนเก็บกดที่ตอนทำงานไม่ได้ใช้ ก็จะลองใช้ Amenities ในห้องทุกอย่าง ใช้บริการ Facilities ของโรงแรม โดยเฉพาะเตียงอาบแดดหน้าชายหาดกับ Pool Bar ใฝ่ฝันมากว่าจะได้อยู่ตรงนั้นทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลยค่ะ”




วชิรา พงศ์พยัคฆ์
มัคคุเทศก์ ประสบการณ์นำเที่ยวกว่า 10 ปี


“ก่อนอื่นเราต้องแบ่งภาระงานของมัคคุเทศก์มืออาชีพเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือทำงานในประเทศ ต้อนรับต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย หรือพาคนไทยเที่ยวในประเทศ หน้าที่ของไกด์ไม่ใช่แค่เล่าประวัติศาสตร์ในอดีต เพราะเดี๋ยวนี้ต่างชาติเขาอ่านประวัติศาสตร์ เปิดวิกิพีเดีย หาข้อมูลมาก่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไกด์ต้องสามารถบอกได้ด้วยว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่คืออะไร สามารถโต้ตอบได้เมื่อเขาตั้งคำถาม หมายความว่าเราต้องทำการบ้าน ต้องอ่านให้เยอะขึ้น ต้องคิดนอกกรอบให้เป็น

“นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นรอบที่ 2, 3 หรือ 4 ขึ้นไปเขาก็ไม่อยากไปวัด วังซ้ำๆ แล้ว เราที่รับหน้าที่มัคคุเทศก์ต้องรู้จัก Create สร้างสรรค์เส้นทางและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปเพื่อมอบให้กับเขา ใครที่เป็นมัคคุเทศน์มานานจนชำนาญก็อาจนำทัวร์เฉพาะเส้นทาง Unseen หรือ Indy ไปเลยก็มี

“ภาระงานอีกประเภทคือหน้าที่ Tour Leader เมื่อพาลูกทัวร์คนไทยไปต่างประเทศ เราต้องเข้าใจหรืออย่างน้อยๆ ก็สื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ คอยชี้แนะและแทรกเสริมความรู้ให้กับลูกทัวร์ของเรา (ในกรณีที่หัวหน้าทัวร์ท้องถิ่นดูแลไม่ทั่วถึง) อะไรอยู่ที่ไหนเราต้องรู้ ร้านนู้นอยู่ตรงนี้ ร้านนั้นอยู่ตรงโน้น ชอปปิงที่ไหน ปลั๊กใช้ยังไง ก๊อกน้ำเปิดยังไง เราต้องรู้ บางครั้งลูกทัวร์เปิดกระเป๋าไม่ได้ จำรหัสไม่ได้ เราก็ต้องช่วยแก้ปัญหา เหมือนเป็นพหูสูตในต่างแดนอย่างไรอย่างนั้น พอส่งลูกทัวร์เข้านอนแล้วก็ยังต้องเช็ก ต้องคอนเฟิร์ม ต้องประสานงาน เพื่อเตรียมการในวันต่อไป”



What’s Your Companion?
“เราจะมีกระเป๋า 2 ใบติดตัวไปทุกครั้ง ใบแรกเป็นพวกแก็ดเจ็ต มีมีดพับ ปลั๊กต่อพ่วง สายต่อกล้อง ไฟฉาย อะไรก็ว่าไป ส่วนอีกใบคือล่วมยา จัดยาจำเป็นไปด้วย เพราะร้านขายยาในต่างประเทศจะไม่จ่ายยาโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ แต่เรารู้ตัวว่าถ้าป่วยเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้กินยาประมาณไหนก็ทุเลา บางทีลูกทัวร์ป่วยก็ต้องเข้าไปดูแล เช่น ปวดเมื่อย โดนฝนเป็นไข้ ยาบางตัวก็พกไปเองได้ และเราเป็นมัคคุเทศก์ ตัวเราต้องห้ามป่วย ดังนั้นจึงจำเป็นมากๆ ที่ต้องรักษาสุขภาพตัวเอง เพราะคนทั้งกลุ่มฝากความสนุกไว้ที่เรา




ChangTrixGet

แฟนเพจโปรโมชันท่องเที่ยว


“ChangTrixGet มีผู้ร่วมก่อตั้ง 4 คน และทุกคนทำงานประจำกันหมด อยู่ในทุกวงการ เช่น การธนาคาร ไอที วิทยาศาสตร์ และอสังหาริมทรัพย์ เราไปเที่ยวกันเองเกือบทุกโปร ไม่เคยพลาด เพราะก่อนจะลงโปรผ่านทางหน้าเพจหรือช่องทางอื่นๆ เราต้องเคยไปหรือเคยใช้บริการสินค้านั้นๆ ก่อนอยู่แล้ว จะได้มาบอกข้อดี-ข้อเสียให้กับคนที่ติดตามเราเกือบล้านคนได้อย่างครบถ้วน”

What’s Your Companion?
“เพื่อนเดินทางสำหรับเราคือ สมาร์ตโฟน แล็ปท็อป และกล้องถ่ายรูป เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือเราพร้อมที่จะลงโปรโมชันหรือข่าวสารได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง”