ปัญญา ลีลาสุนทรกุล | Features Editor | 01 November 2018
ถ้าการวิ่งมาราธอนเปรียบเสมือนจุดสูงสุดของการวิ่ง ฟรีไดวิ่ง (Freediving) ก็คงเป็นจุดสูงสุดของการดำน้ำเช่นกัน นอกจากอาศัยสมรรถนะของร่างกายแล้วยังต้องใช้ไหวพริบและคำนวณเวลาเพื่อดำดิ่งให้ลึกแล้วกลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย
ใครเคยฟรีไดวิ่งมาแล้วจะรู้ว่ามันท้าทายและมีอิสระมากแค่ไหน เพราะเป็นการดำน้ำลงไปแบบไม่มีอุปกรณ์ช่วยหายใจอะไรเลย (แต่เรายังคงใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะ) มีแค่ตัวเรากับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ จากนั้นค่อยๆ ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ แล้วกลับสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัย
ฟังดูเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่จะฟรีไดวิ่งทั้งหลายต้องฝึกฝนการดำน้ำ ตลอดจนพัฒนาสมรรถนะของร่างกายให้มีความแข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา แต่แค่ดำลงไปเฉยๆ คงดูไม่ท้าทายมนุษย์เราสักเท่าไหร่ ในช่วงศตวรรษที่ 19 จึงมีการจับเวลาและบันทึกเป็นสถิติขึ้นมา ซึ่งต่อมาพัฒนาไปเป็นการแข่งขันกีฬาทั่วทุกมุมโลก
โดยหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์คือนักดำน้ำชาวฝรั่งเศส Jacques Mayol หรือสมญานามว่า มนุษย์โลมา สวมใส่นาฬิกา Omega Seamaster 120M ลงไปฟรีไดวิ่งในทะเลที่ระดับความลึก 100 เมตรด้วย
หลังจากขึ้นสู่ผิวน้ำแล้วเขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เมื่อดำน้ำโดยปราศจากอุปกรณ์หายใจแล้ว ในท้องทะเลก็มีเพียงตัวเรา ลมหายใจ และเวลาอันแสนสั้นเท่านั้น นี่แหละประสบการณ์ที่แตกต่างจากการดำน้ำทั่วๆ ไป มันเป็นเรื่องของเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เราได้เป็นอิสระใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แต่ก็เป็นเสี้ยววินาทีที่เราต้องกลับขึ้นมาบนผิวน้ำเช่นกัน ดังนั้นนาฬิกาที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักฟรีไดวิ่งที่ต้องวัดระยะและเวลาเพื่อใช้ควบคุมการดำน้ำทั้งหมดนั่นเอง
จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงทำให้เขาสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาได้เท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความทนทานและแม่นยำของนาฬิกา Omega ที่อยู่ในความลึกระดับ 100 เมตร แถมยังเป็นรากฐานให้ Omega พัฒนานาฬิกาที่สามารถดำดิ่งลงไปได้ลึกกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น Omega Seamaster 300M, Omega Ploprof 600M และ Omega Ploprof 1200M
เช่นเดียวกับระดับความลึกของการฟรีไดวิ่ง ก็มีนักดำน้ำสร้างสถิติใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่สถิติระดับโลกที่ยังไม่มีใครโค่นลงได้คือสถิติของ Giorgos Panagiotakis ชาวฟินแลนด์ที่ดำได้ลึกถึง 300 เมตร ส่วนผู้หญิงที่ดำได้ลึกที่สุดคือ Natalia Molchanova ชาวอิตาลีที่ดำได้ลึกประมาณ 237 เมตร
ถึงตรงนี้คงมีหลายคนสนใจอยากฟรีไดวิ่งกันบ้างแล้ว แนะนำว่าให้เริ่มต้นจากการเข้าคอร์สสอนดูก่อนเพื่อฝึกปรือ เรียนรู้เคล็ดลับ และสะสมชั่วโมงกันสักหน่อย แล้วพอถึงเวลาดำลงไปจริงๆ ก็ควรมีเพื่อนคู่หูหรือบัดดี้ไปด้วย เผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน และสุดท้ายเลือกนาฬิกาที่บอกเวลาได้แม่นยำ ทนทาน และดูเวลาได้ชัดเจน เพื่อจะได้คำนวณเวลาดำน้ำและขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย
ที่เหลือก็แค่ออกหาทะเลสวยๆ แล้วดำลงไปกันเลย