×

We Love: Scent of Travel...กลิ่นหอม เรื่องเล็กที่น้อยนิดแต่เอฟเฟกต์มหาศาล

Traveller's Companion | Traveller's Companion | 12 February 2018

เรื่องของกลิ่นหอมอาจเป็นเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม ถึงขนาดไม่ถูกบรรจุอยู่ในหมวดหมู่ของจำเป็นเวลาเดินทาง แต่สำหรับทีมเพื่อนเดินทาง ทุกคนล้วนมีกลิ่นโปรดที่ขาดไม่ได้เวลาเดินทาง และมีเบื้องหลังน่าสนใจไม่แพ้กลิ่นหอมๆ เพราะเราเชื่อว่าน้ำหอมกลิ่นที่คุ้นเคยก็ช่วยสร้างมู้ดความมั่นใจเวลาไปเยือนเมืองแปลกหน้าที่ไม่รู้จักอะไรเลยสักอย่าง อย่างน้อยก็มีกลิ่นประจำตัวนี่ละที่คุณพอจะไว้ใจได้ อ้อ ถ้าจะพกน้ำหอมขึ้นเครื่อง ไม่ควรนำขวดที่จุเกิน 100 มิลลิลิตร และอย่าลืมใส่ถุงซิปล็อกเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ จะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับน้ำหอมแสนรักที่ถูกทิ้งเดียวดายอยู่ที่สนามบิน



ภาสันต์ ไชยตา, Managing Editor 
Scent of Choice: Noir De Noir จาก Tom Ford

ทุกครั้งที่ออกเดินทางจะเลือกนำน้ำหอมประเภท Eau de Parfum ไปด้วย เพราะความเข้มข้นทำให้กลิ่นหอมอยู่ติดนานทั้งวัน ทริปล่าสุดไปญี่ปุ่นตอนปีใหม่ซึ่งแน่นอนว่าอากาศเย็นจัดเลยหยิบขวดนี้ไปด้วย กลิ่นมีเลเยอร์ดี เซ็กซี่แบบขรึมๆ มีความหอมดอกไม้หวานๆ แต่ก็ได้ความเท่ของกลิ่น Black Truffle, Vanilla, Patchouli แล้วก็ Oud Wood มันเป็นกลิ่นที่ซับซ้อน ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งหอม เหมาะกับอากาศหนาวๆ ฉีดแล้วทำให้รู้สึกเซ็กซี่ขึ้นมาเบาๆ



มณฑิณี เชียงสงค์, Editor-in-Chief เพื่อนเดินทาง
Scent of Choice: Orange Blossom + Pomegranate Noir จาก Jo Malone London

พกทีเดียวสองกลิ่นสำหรับทุกสภาพอากาศและโอกาส ชอบตรงที่ Jo Malone London มีไซซ์ 30 มิลลิลิตร พกสะดวกไม่หนักกระเป๋า Orange Blossom กลิ่นดอกส้มที่เหมาะกับวันแดดจ้าฟ้าสวย อารมณ์ Spring/Summer ส่วน Pomegranate Noir มีความหอมแบบลึกลับของทับทิมและเครื่องเทศ ก็มักจะหยิบมาใช้ในวันที่อากาศเย็นลงหน่อย บวกกับสีปากที่เข้มขึ้นอีกนิด สร้างมู้ดสาวหมวยลึกลับน่าค้นหา แต่ถ้าจะให้ดีฉีดผสมสองกลิ่นนี้เข้าด้วยกัน เป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เก็บไว้ให้คนพิเศษเท่านั้น ผ่านการรับรองมาแล้วจากเพื่อนหนุ่มรสนิยมดีที่เราไว้ใจ



สุรางคณา ธนพัฒน์กิติโรจน์, Features Editor
Scent of Choice: Thé Noir 29 จาก Le Labo

ไม่ได้เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมบ่อยมาก ถ้าเจอที่รักแล้วก็รักเลยและ repeat ไปได้ตลอด น้ำหอมที่ใช้เวลาเดินทางก็เลยเป็นกลิ่นที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่จะเลือกให้เป็นกลิ่นที่เข้ากับบรรยากาศอุณหภูมิของประเทศที่ไป เช่น ถ้าไปที่หนาวมาก (จนขี้เกียจอาบน้ำ) ก็ต้องกลิ่นแนวอบอุ่นอย่าง Thé Noir 29 ของ Le Labo น้ำหอมกลิ่นนี้มีความพิเศษ ตอนแรกที่มีคนแนะนำให้ลองเหมือนไม่เข้ากับเรา แต่ด้วยส่วนผสมหลักของใบชาดำ มะกรูด ลูกมะเดื่อ ใบเบย์ลีฟ ซีดาร์วูด หญ้าแฝก มัสก์ และอื่นๆ อีก 29 ชนิด กลิ่นจึงมีความยูนิเซ็กซ์ สม็อกกี ตรงกับคาแรกเตอร์เราที่ไม่ได้เป็นคนหวาน และคลิกกับเรามาก เหมือนเวลาเจอน้ำหอมที่ใช่! สังเกตได้เลย กลิ่นจะค่อยๆ เข้ากับตัวเราและเจือกลิ่นหอมระเรื่อออกมาให้รู้สึกเฟรชและหอมตัวเองได้ตลอดทั้งวัน เรียกว่าติดท็อปลิสต์น้ำหอมหน้าหนาวของเราแซงหน้า Tom Ford ไปเลยละ



บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ, Features Editor
Scent of Choice: Happy for Men จาก Clinique

ความจริงก็ไม่ใช่น้ำหอมที่เหมาะกับทริปขนาดนั้นหรอก แต่ใช้แบรนด์นี้มาตลอด ใช้ทุกวันจนติดเป็นนิสัย เอาจริงๆ เลือกใช้เพราะสาวคนหนึ่งเคยบอกว่าชอบกลิ่นนี้แหละ พอใช้แล้วก็เออดี ถามว่าพกสะดวกไหมก็ไม่ แต่มีบับเบิลก็ห่อไปสิ เจอสนามบินไหนราคาดีก็สอยกลับมาสต็อก...ก็ของเขาดี



ปัญญา ลีลาสุนทรกุล, Features Editor
Scent of Choice: Bleu de Chanel จาก Chanel 

น้ำหอมที่ผมพกไปทุกทริปหนีไม่พ้น Bleu de Chanel (เวอร์ชั่นพกพา) เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนต่อไหนได้ง่ายๆ แถมไม่กินพื้นที่กระเป๋าอีกต่างหาก นอกจากขนาดแล้วสิ่งที่ชอบไม่แพ้กันคงเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกเซ็กซี่เบาๆ มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และติดทนน้านนาน ขนาดตะลอนไปไหนต่อไหนจนเหงื่อซกก็แล้ว แต่กลิ่นยังคงหอมฟุ้งอยู่เลย