
เดินเพลินๆ ที่กาตง สิงคโปร์
อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 19 August 2018
อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 19 August 2018
เมื่อบอกคนรู้จักว่าจะไปสิงคโปร์ ทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไปทำอะไร สิงคโปร์ไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากเดินชอปปิง”
ก็ใช่...เหตุผลที่ฉันไปสิงคโปร์คราวนี้เพื่อไปเดินอย่างที่เพื่อนว่าจริงๆ แต่ไม่ใช่ชอปปิง เพราะฉันจะไปเดินๆ วิ่งๆ ในสวนสาธารณะกับงาน Snoopy Run 2018 ที่สมัครไว้ตั้งแต่ต้นปีต่างหาก แถมตั้งใจไปแค่นั้นแล้วก็กลับ
แต่เพื่อนผู้ไม่ได้เป็นทาสสนูปปีเหมือนฉันแต่ยอมไปเป็นเพื่อนด้วยบอกว่า ไปคืนเดียวจะคุ้มได้ยังไง อย่างน้อยต้อง 2 คืน 3 วันสิ งานนี้เลยต้องตามใจเพื่อนผู้น่ารักซึ่งเป็นผู้แพลนโปรแกรมว่าเราจะไปชมนิทรรศการ Angkor ที่ Asian Civilisations Museum หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจที่สุดในย่านนี้ แล้วไปหาของอร่อยกินแบบคนที่นี่ คือเที่ยวกันสบายๆ โดยมีน้องอีกกลุ่มที่ขอไปงานสนูปปีรันด้วยช่วยจองโรงแรมชื่อ Village Hotel ในย่านกาตง (Katong) ให้ น้องบอกว่าที่เลือกย่านนี้เพราะอยู่ไม่ไกลจาก Braddock Reservoir สวนที่เราจะไปร่วมกิจกรรมมากนัก ซึ่งอยู่ทางฝั่งอีสต์โคสต์ของสิงคโปร์
...นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อกาตง
ฉันกับเพื่อนไปถึงสิงคโปร์ตอนบ่ายวันเสาร์ เราเรียกแท็กซี่จากสนามบินไปที่พัก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระหว่างทางคนขับแท็กซี่ช่างคุยชี้ให้ดูการพัฒนาและขยายสนามบินด้วยความภาคภูมิใจแล้วก็ชวนคุยนั่นนี่ จนเข้าย่านกาตงคนขับที่ทำหน้าที่ไกด์ให้ฟรีๆ ก็บอกเล่าความสำคัญของย่านนี้ว่า ในอดีตเป็นย่านอยู่อาศัยของคหบดี ผู้มีฐานะของสิงคโปร์ รวมถึงบ้านพักตากอากาศของบุคคลสำคัญเพราะอยู่ใกล้ทะเล ซึ่งตอนนี้กำลังมีการขยายเมือง ชายฝั่งทะเลจึงถูกถมเป็นแผ่นดินเพิ่มขึ้นพร้อมกับการก่อสร้างรอบๆ กาตงที่กำลังผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แถวนี้ก็ยังเป็นเขตอยู่อาศัยของคนจีนและคนมาเลย์ในสิงคโปร์ เมื่อรถถึงที่หมาย ก่อนลงจากรถคนขับยังแนะนำส่งท้ายว่า “ไม่ไกลจากโรงแรมมีร้านขายลักซาที่อร่อยที่สุดในสิงคโปร์อยู่ ถ้ามีโอกาสไปลองชิมนะ”
แต่อย่างที่บอกว่าเรามากันหลายคนเลยมีกิจกรรมหลายอย่างให้ไล่เก็บ วันแรกและวันที่สองเราเลยกระจายไปเก็บความสุขของทุกคนให้ครบ ทั้งไปวิ่ง ไปชมพิพิธภัณฑ์ แวะร้านขายของที่อยากไป กินข้าวมันไก่ ไปไหว้พระที่วัดเขี้ยวแก้ว ไปชอปปิง กว่าจะมีเวลาสำรวจย่านที่พักก็วันสุดท้าย เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวันเราเลยไม่อยากไปไหนที่รีบเร่งเกินไป
อีกเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกเที่ยวเล่นแถวนี้เพราะเมื่อวานตอนเดินจากโรงแรมไปกินมื้อกลางวันที่ร้านข้าวมันไก่เจ้าดังอีกร้านที่ชื่อไฟว์สตาร์ก็พบว่าบรรยากาศในย่านนี้น่าสนใจจริงๆ แต่ละร้านล้วนน่าเข้าไปทำความรู้จักทั้งนั้น อาคารสไตล์ชิโน-โปรตุกีสริมทางถูกนำมาเปิดเป็นร้านกาแฟ ร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านดื่ม ซึ่งคืนวันอาทิตย์เราไปนั่งชิลๆ กันที่ร้านน่ารักชื่อ Rabbit Carrot Gun
เช้าวันจันทร์เราเริ่มต้นกันด้วยมื้อเช้าที่ร้าน Heavenly Wang ร้านกาแฟคลาสสิกที่หมายตาไว้ เป็นร้านในอาคารโบราณริมถนนที่ดูข้างนอกโครงของสถาปัตยกรรมยังคงรักษารูปแบบเดิมไว้ แต่ข้างในตกแต่งได้น่านั่ง สำหรับเมนูที่ต้องสั่งคือขนมปังสังขยา เขาใช้ขนมปังปิ้งสองแบบ แบบแผ่นบางกับแผ่นหนาที่เหมือนขนมปังกะโหลก ทั้งสองแผ่นทาสังขยาและประกบกัน ตรงกลางมีเนยมาเติมความเค็มๆ มันๆ แนะนำให้สั่งคู่กับโกปี๊ที่เหมือนกาแฟโบราณใส่นมข้น แล้วอย่าลืมไข่ลวกด้วยนะคะจึงจะครบจบมื้อนี้
ออกจากร้านเราเดินถ่ายรูปไปตามถนนกาตงจนสุดทาง ระหว่างนั้นเราผ่านร้าน Katong Laksa ที่คนขับรถแนะนำ ผ่านร้านช็อกโกแลต Awfully Chocolate ที่จับจ้องกันไว้ว่าเดี๋ยวจะกลับมาชิมเพราะรูปเค้กช็อกโกแลตหน้าร้านนั้นเย้ายวนมาก ตอนนี้ต้องผ่านไปก่อน ก็ร้านยังไม่เปิดนี่นะ ย่านนี้หลายร้านเปิดสายและปิดดึก และปิดวันจันทร์ด้วย ตอนเช้าเลยยังไม่คึกคัก อย่างร้านไอศกรีม Bird of Paradise ที่มีคนเข้าแถวรอจนล้นออกมาหน้าร้านตั้งแต่หัวค่ำจนดึก เราเลยอดชิม
เราหยุดถ่ายรูปหน้าร้านขายของ Rumah Bebe เพราะหน้าร้านทาสีสันสวยงาม วินโดว์ดิสเพลย์ก็ดึงดูดใจ ที่นี่นำเสนอวัฒนธรรมเปอราเนกัน (Peranagan) ผ่านงานกระเบื้อง งานปักลูกปัดที่น่าซื้อ เลยเสียเงินกันนิดหน่อย ระหว่างทางยังมีร้านขายบ๊ะจ่างตำรับเปอรานากันและร้านอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก
แต่สิ่งที่เราสนใจตามหากันตอนนี้คือบ้านสไตล์เปอรานากัน ที่ต้องเดินย้อนไปทางสี่แยกที่เพิ่งเดินผ่านมาเพื่อไปตามถนนจูเชียต (Joo Chiat) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของย่านกาตง เดินไปแป๊บเดียวก็เจอบ้านสีสวยไม่ซ้ำกันเรียงรายสองฝั่งถนนให้เราเก็บภาพและแอบมองเข้าไปในบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย
เรียกว่าเดินเที่ยวเล่นแถวนี้ได้ครบรสทั้งชิมอาหาร นั่งดื่มกาแฟ กินขนมแบบชาวสิงคโปร์ ดูชีวิตชาวบ้านชาวช่อง แล้วยังมีวัด Sri Senpaga Vinayagar Temple หรือวัดองค์พระพิฆเนศแห่งศาสนาฮินดูตรงถนนซีลอนให้สักการะอีก อีกอย่างที่ชอบคือถนนแถวนี้เดินง่าย เพราะมีผังเมืองที่ได้รับการวางเป็นบล็อกๆ สามารถเดินถึงกันได้หมด
เวลาสามชั่วโมงกว่าที่เราเดินเล่น กินมื้อเช้า มื้อกลางวัน ปิดท้ายด้วยเค้กช็อกโกแลตตอนบ่ายเป็นอะไรที่เพลินทีเดียวในเมืองที่หลายคนบอกว่าไม่มีอะไรนอกจากสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นเมืองหุ่นยนต์ แต่ที่กาตงยังมีชีวิตที่น่ารักให้เราสัมผัสได้