อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 11 January 2018
ป๊อปอยากนำเรามาวัดนี้ที่ทัวร์อื่นๆ ไม่ค่อยพามากัน เพื่อมาสักการะพระพุทธมหาชนก พระประธานทรงเครื่องกษัตริย์ปางโปรดท้าวมหาชมพูบดีที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์... ขอบอกว่างามจริง เพราะเป็นพระพุทธรูปที่ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์เต็มที่ วัดนี้เป็นพระอารามหลวงฝีมือช่างหลวงครั้งต้นกรุง มีชื่อเดิมว่าวัดสำเพ็ง และมีประวัติศาสตร์ยาวนานทีเดียว นอกจากพระพุทธรูปแล้ว บรรดาหุ่นปั้นจีนที่เป็นอับเฉาก็น่าชมมาก
เรากลับมาลงเรือที่ท่าเดิม เดินทางต่อไปวัดที่ 2 ที่อยู่ฝั่งพระนคร คือ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าวัดประยูร จุดสังเกตคือพระมหาเจดีย์สีขาวสูงเด่นสะดุดตาเวลาขับรถข้ามสะพานพุทธหรือนั่งเรือผ่านมาถึงสะพานพุทธ
บรรยากาศในวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร
องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้วัดประยูรเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ. 2012 เป็นพระอารามหลวงซึ่งสถาปนาโดยสมเด็จองค์ใหญ่แห่งสายสกุลบุนนาค อัครมหาเสนาบดีผู้ทรงอำนาจในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้วัดประยูรเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ. 2012 เป็นพระอารามหลวงซึ่งสถาปนาโดยสมเด็จองค์ใหญ่แห่งสายสกุลบุนนาค อัครมหาเสนาบดีผู้ทรงอำนาจในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คณะของเราเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์ด้านหน้าพระบรมธาตุมหาเจดีย์ เพื่อสักการะพระธาตุ และชมกรุพระที่ขุดพบในพระมหาเจดีย์ แล้วจึงขึ้นไปสักการะบนพระมหาเจดีย์
ตอนเดินเข้ามาถ่ายรูปแล้วเปิดดู คิดว่าเจดีย์เอียงหรือเราถ่ายเอียงนะ เพราะถ่ายรูปสองครั้งก็ยังเอียง ปรากฏว่าเจดีย์เอียงจริงๆ เป็นผลจากระเบิดที่มาลงแถววัดเลียบตั้งแต่สมัยสงคราม ทางขึ้นพระมหาเจดีย์แคบและชัน แต่ก็พอไหว เพราะไม่สูงมาก ภายในพระมหาเจดีย์ที่ได้รับการบูรณะแล้วทำให้เราเห็นสภาพก่ออิฐถือปูนเปลือยที่เรียบร้อย มีไม้และเหล็กค้ำยันมั่นคง นี่คือคำตอบว่าทำไมเจดีย์จึงแค่เอียง ไม่ล้ม เพราะความหนาของผนังกำแพงที่ก่อเป็นองค์เจดีย์นั่นเอง
เราเดินวนรอบแกนกลางพระมหาเจดีย์ 3 รอบ แล้วจึงกราบพระประจำวันเกิดที่ประดิษฐานอยู่บนกำแพงรอบๆ เมื่อจะออกเราเลือกลอดออกทางช่องเล็กใต้พระปางประทานพร และจุดที่ขุดพบพระธาตุและกรุพระ เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็เดินออกด้านทางเข้าได้
วัดสุดท้ายในช่วงเช้าของเราคือ วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร แถวเทเวศร์ ที่เรือเข้าเทียบท่าวัดได้เลย ที่นี่เราเริ่มต้นกันที่พิพิธภัณฑ์สักทอง ที่สร้างเป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยา 2 ชั้นด้วยไม้สักเก่าอายุกว่าร้อยปี เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกา รูปเหมือนอดีตสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่นำชมว่ามีความรู้ดีมาก ฟังเพลิน ได้ความรู้
ทัวร์ครึ่งเช้าของเราจบที่การสักการะและร่วมถวายผ้าไตรแก่องค์พระพุทธเทวราชปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถของวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
ฉันเคยมาวัดนี้แล้ว แต่ทัวร์ไหว้พระ 9 วัดครั้งนั้นพาเราชมแค่พิพิธภัณฑ์ไม้สัก วันนี้พอก้าวเข้าไปในพระอุโบสถที่งดงาม เห็นพระประธานแล้ว ฉันก้มลงกราบและนั่งมองอยู่นาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่หล่อด้วยโลหะ ลงรัก ปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 4.35 เมตร สูงตั้งแต่พระเพลาถึงยอดเปลวรัศมี 5.65 เมตร เป็นฝีมือของช่างสมัยทวารวดีผสมอู่ทองที่งามมากๆ สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดนี้ ผู้มาสักการะมักขอพรเรื่องหน้าที่การงานให้สำเร็จดังตั้งใจ ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์จริง
ตอนบ่ายหลังอาหารกลางวันบนเรือแล้ว มีอีก 2 วัดที่เราไปสักการะ คือ วัดราชาธิวาสวิหาร เพื่อสักการะพระสัมพุทธพรรณีและพระสัมพุทธวัฒโนภาส ชื่นชมความงดงามของพระอุโบสถที่รวบรวมศิลปะงานช่างอันหลากหลาย ออกแบบโดยฝีพระหัตถ์สมเด็จครู สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เรียนรู้เรื่องราวพระเวสสันดรชาดกผ่านภาพจิตรกรรมสีปูนเปียกโดยจิตรกรชาวยุโรปชื่อดัง คาร์ล ริโกลี
ทัวร์ล่องเรือไหว้พระของเราจบลงที่วัดสามพระยาวรวิหาร ที่นี่เราได้สักการะพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ภายในพระอุโบสถ พร้อมชื่นชมความงดงามของลวดลายจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นมงคลในกระบวนเครื่องตั้งแบบจีนที่ได้รับความนิยมในครั้งนั้น พร้อมเรื่องราวสำนักเรียนอันเลื่องชื่อของคณะสงฆ์กรุงเทพฯ ในอดีต
เสียดายที่วันนั้นฉันมีธุระตอนบ่ายเลยไม่ได้อยู่ร่วมทัวร์จนจบ แต่ไม่เป็นไร 3 วัดที่ได้ไปไหว้ในวันนั้นก็ทำให้สุขใจแล้ว จริงๆ การค่อยๆ เก็บค่อยๆ ไปไหว้พระแบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อยจนเพลีย เพราะการไปวัดจำนวนไม่ควรเป็นเป้าหมายหลัก สิ่งสำคัญคือความตั้งใจไปต่างหาก จะกี่วัดก็ได้ความรู้สึกเหมือนกัน
ช่วงต้นปีแบบนี้ ใครมีเวลาจัดโปรแกรมไปไหว้พระตามเส้นทางนี้ได้นะคะ จะได้ทั้งความอิ่มตา อิ่มใจแน่นอนค่ะ
เช่าเรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลที่: แผนกเช่าเรือและเรือท่องเที่ยว บริษัท เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท จำกัด โทร. 0-2449-3000-2