อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 01 February 2018
ทริปเดือนพฤษภาคม 2016 ของฉันจึงมีที่นี่อยู่ในโปรแกรมด้วย และจากที่ตั้งใจไปชมคนเดียว ปรากฏว่าคณะเราทุกคนอยู่ในวัยที่เติบโตมากับการ์ตูนสนูปี้ ฉันจึงมีแก๊งไปด้วยกันอีก 5 คน และจากที่ตั้งใจไปแค่สักครั้ง ฉันได้ไปเยือนที่นี่เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 แต่คราวนี้ไปคนเดียว
ที่ฉันเลือกไปซ้ำที่เดิมเพราะนิทรรศการที่จัดแสดงนั้นเปลี่ยนธีมมาแล้ว 3 ครั้ง นี่เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเนื้อหาและการนำเสนอนิทรรศการจะแตกต่างกันไปทุกครั้ง
การเข้าชมจะมีเป็นรอบๆ เพื่อไม่ให้คนแออัดเกินไป ครั้งแรกเราจองตั๋วเข้าชมผ่านทางเว็บไซต์ไว้ก่อน และได้รอบ 18.00 น. ที่เป็นรอบสุดท้ายของวันอาทิตย์ แต่ครั้งที่ 2 ฉันตัดสินใจไปซื้อตั๋วที่หน้าพิพิธภัณฑ์ โดยเลือกไปชมตั้งแต่รอบแรก 10.00 น. ซึ่งราคาตั๋วจะแพงกว่าจองล่วงหน้า 200 เยน
ชอบความกวน ความบ้าของสุนัขแสนรู้ตัวนี้ แก๊กต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านตัวการ์ตูนทำให้หัวเราะได้เสมอ
พิพิธภัณฑ์สนูปี้อยู่ในย่านรปปงงิ เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ ด้านหน้ามีหุ่นสนูปี้ในยุคต่างๆ ตั้งเรียงกัน 5 ตัว แบบมาถึงก็รู้ว่ามาไม่ผิดที่แน่ๆ หลังจากรับตั๋ว (ที่นำการ์ตูนช่องที่ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์วาดไว้มาออกแบบให้มีหลากหลายแบบ พวกเราเลยได้แบบไม่ซ้ำกันสักคน) เราก็เข้าไปภายในห้องรอเข้าชม ถ้าเปรียบห้องนี้เป็นหนังสือ ตรงนี้คงเป็นคำนำ บนผนังสีแดงด้านหนึ่งเขานำบัตรเข้าชมมาออกแบบต่อกันเป็นภาพจิกซอว์ชาร์ลี บราวน์กอดกับสนูปี้ อีกด้านหนึ่งนำภาพถ่ายในวัยต่างๆ ของชูลซ์ใส่กรอบแขวนขึ้นบนผนัง บอกเล่าชีวิตของเขาแบบสั้นๆ ฉันไปครั้งที่ 2 การจัดแสดงบนผนังยังไม่เปลี่ยน แต่มีเพิ่มเติมคือบรรยากาศคริสต์มาสตรงกลางห้องให้เข้ากับเทศกาลที่กำลังจะมาถึง
เมื่อประตูห้องเปิด เราก็ทยอยเข้าไปนั่งชมวิดีโอสั้นๆ แนะนำนิทรรศการเป็นอันดับแรก ก่อนแยกย้ายกันเดินชมตามอัธยาศัย ภายในห้องนิทรรศการหากใครคิดว่าจะได้มาชมข้าวของที่เป็นสนูปี้และผองเพื่อนละก็ ขอบอกว่าผิดคาดเล็กน้อย เพราะสิ่งที่นำมาแสดงส่วนใหญ่เป็นผลงานการ์ตูนที่ชูลซ์วาดและเขียนลงในหนังสือพิมพ์ มีข้าวของสะสมที่เกี่ยวข้องกับธีมนั้นๆ แสดงอยู่ในตู้ แต่เราเป็นแฟนที่รักกันมานาน ยังไงก็แฮปปี้ที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้
นิทรรศการครั้งที่ 2 ที่ฉันมาชมเป็นเรื่องราวความรักของตัวละครสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสนูปี้ที่เกือบได้แต่งงาน แต่ถูกญาติชิงเจ้าสาวไป หรือความรักครั้งแรกของชาร์ลี บราวน์กับสาวน้อยน่ารัก ความรักของเปปเปอร์มินต์ แพตตี้กับมาร์ซีที่มีต่อชาร์ลี บราวน์ ขอบอกว่าฉันเดินดูและอ่านการ์ตูนไปหัวเราะหึหึไปคนเดียวจนออกจากห้อง
อิ่มเอมกับเนื้อหาก็มาเติมเต็มความสุขทางใจอีกเล็กน้อยด้วยการชอปปิง ที่ต้องใช้สติอย่างมากในการเลือกของ (ทั้ง 2 ครั้ง) ไม่อย่างนั้นคงล้มละลาย หมดตัวเป็นแน่
พอออกจากบราวน์สโตร์ (Brown’s Store) จะเจอร้านกาแฟ (Blanket Café) ครั้งแรกเสียดายที่เราไปตอนค่ำและจะถึงเวลาปิดแล้ว เลยอดเข้าไปชิลๆ ในคาเฟ่ผ้าห่มของไลนัส แล้วถ้ามาอีกทีจะซื้อของหรือเข้าคาเฟ่ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์เท่านั้นจึงจะเข้าได้ งานนี้คนไม่ใช่แฟนมาแล้วอาจมีบ่น
ความตั้งใจเข้าไปในคาเฟ่ของฉันเป็นจริงในการมาเยือนครั้งที่ 2 ที่ชมนิทรรศการ ชอปปิงเสร็จก็เกือบเที่ยง เลยได้กินมื้อกลางวันที่นี่ในบรรยากาศแบบสนูปี้ๆ เรียกว่าจบครบทุกความตั้งใจแล้ว
ใครรักสนูปี้และได้ไปโตเกียวช่วงนี้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด คุณจะยังได้ชมนิทรรศการในธีม Love is Wonderful ที่ฉันไปชมมา และอิ่มกับความรักของผองเพื่อนแก๊งนี้แน่นอน
Snoopy Museum Tokyo / スヌーピーミュージアム
ที่อยู่: Roppongi 5-6-20, Minato-ku, Tokyo
เวลาทำการ: 10.00-20.00 น. (เข้าได้จนถึง 19.30 น.)
ตั๋วล่วงหน้า: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน / นักศึกษา 1,200 เยน / เด็กมัธยม 800 เยน / เด็กเล็ก 4 ขวบขึ้นไป 400 เยน
* สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ทางเว็บไซต์
** ซื้อตั๋ว ณ วันเข้าชมราคาจะแพงกว่าตั๋วล่วงหน้า 200 เยน (ทุกประเภท)
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มาลงที่สถานี Roppongi และเดินต่ออีก 7 นาที แนะนำว่าเปิดกูเกิลแมปส์เดินตามไปไม่หลงแน่นอน
เข้าสู่เว็บไซต์ที่นี่ >> Snoopy Museum Tokyo
ติดตามอัปเดตได้ทางแฟนเพจ >> Facebook: Snoopy Museum Tokyo