อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 22 May 2018
วิถีชีวิตของบ้านเรือนในย่าน Little Edo
เราออกจากมหานครโตเกียวขึ้นไปทางเหนือ มุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆ ในอดีตที่ชื่อคาวาโกเอะ (Kawagoe) ในจังหวัดไซตะมะ ตั้งใจไปเดินเล่นชมเมืองแบบเช้าไปเย็นกลับกันหลังจากใช้เวลาอยู่ในเมืองหลวงมาหลายวัน
ก่อนไปได้อ่านข้อมูลจาก www.emagtravel.com ปูพื้นฐานก่อน ได้ความว่า Kawagoe (川越) เป็นเมืองในสมัยเอโดะ (Edo) ที่มีโตเกียวเป็นเมืองหลวงอยู่ บทบาทของเมืองคาวาโกเอะคือมีหน้าที่ส่งเสบียงอาหารไปเลี้ยงเมืองโตเกียว ยุคนั้นเมืองคาวาโกเอะจึงมีความสำคัญในระดับหนึ่ง มีโชกุนปกครอง สังเกตได้จากปราสาท (Kawagoe Castle) ที่สร้างไว้
ยุคเอะโดะ หรือที่เรียกว่ายุคโทะกุงะวะ อยู่ในช่วง ค.ศ. 1603-1868 เป็นยุคที่มีไดเมียวตระกูลโทะกุงะวะเป็นโชกุน และเป็นยุคที่วัฒนธรรมของคนธรรมดาสามัญเจริญที่สุด รวมถึงด้านการศึกษาและวิชาการ ความเจริญรุ่งเรืองอย่างหนึ่งคือเรื่องการออกแบบก่อสร้างสถาปัตยกรรม ที่การก่อสร้างบ้านเรือนและวัฒนธรรมเป็นไปตามแบบเอโดะ น่าเสียดายที่ในช่วงสงครามโลก เมืองโตเกียวซึ่งเป็นศูนย์กลางของเอโดะถูกโจมตี เกิดทั้งไฟไหม้และแผ่นดินไหวจนทำลายสิ่งก่อสร้างในสมัยนั้นไปมาก แต่โชคดีที่ยังพอหลงเหลือรอยอดีตนั้นให้เห็นในวันนี้ที่เมืองคาวาโกเอะนี่แหละ เพราะเป็นเมืองที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก
จุดเด่นของคาวาโกเอะในวันนี้คือวิถีชีวิตบนเส้นทางเดินเที่ยวของเมืองที่ยังคงรักษาบ้านเรือน โกดังสินค้าของพ่อค้า หอนาฬิกาในสมัยเอโดะไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่าคนสมัยเอโดะเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ที่นี่จึงมีชื่อเล่นที่น่ารักว่า ลิตเทิลเอโดะ (Little Edo)
ร้านค้าที่คาวาโกเอะน่าสนใจตรงที่แต่ละร้านขายของไม่ซ้ำกันเลย ทำให้เดินเข้าเดินออกดูของได้ทุกร้าน เขาว่าเมืองนี้น้ำดี เพาะปลูกอะไรก็งอกงามได้ผลผลิตที่ดี มิน่าในอดีตจึงรับหน้าที่ส่งเสบียงเลี้ยงเมืองใหญ่ได้ เราจึงเห็นมีหัวผักกาด หอมหัวใหญ่แปรรูปขายในร้านเฉพาะ มีร้านขายผักที่ปลูกได้ในเมือง ร้านขายงานฝีมือ ร้านขายผลิตภัณฑ์จากงา จากน้ำผึ้ง ร้านขายมีด เป็นต้น แต่ที่มีชื่อที่สุดคือมันเทศหวาน ที่นำมาทำขนมในรูปแบบต่างๆ เราลองชิมมันเทศฝานบางๆ แผ่นใหญ่ที่บอกให้รู้ว่ามันลูกนี้ใหญ่ขนาดไหน และนำไปทอดจนกรอบ โรยเกลือหน่อย กินเรื่อยๆ หมดไม่รู้ตัวเลย ชิมของเค็มแล้วก็หาของหวานล้างปากกันหน่อย ขอเป็นไอศกรีมงาดำที่หมายตาไว้
โอย...ทำไมอะไรก็น่าลิ้มลองไปหมด นี่ยังไปไม่ถึงซอยลูกกวาด (Candy Alley) ที่รวบรวมขนมต่างๆ เลยนะ ว่าแล้วก็ขอแวะชิมขนม Baumkuchen ที่ปกติทำเป็นทรงกลม เนื้อเค้กซ้อนกันหลายๆ ชั้นเหมือนลายของวงไม้อีกอย่างก็แล้วกัน แต่ที่ร้านนี้ทำเป็นรูปไข่ เรากินขนมไป นั่งพักดูผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมาก็เพลินดี
กินของอร่อยๆ ไปเยอะแล้ว ทีนี้ต้องเดินออกแรงกันหน่อย คนขับรถของเราแนะนำว่าน่าจะไปชมบ้านเก่าชื่อ Yamazaki House เพราะคนไม่ค่อยเยอะ เพื่อหลีกคน หลบความร้อนสักพัก เป็นบ้านเก่าที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชม คำว่าพิพิธภัณฑ์นั้นดึงดูดใจเราได้เสมอ เราเปิดกูเกิลแมปส์ให้นำทางไป เดินวนๆ ไปพอสมควรกว่าจะถึง ซึ่งมาค้นพบทีหลังว่าจริงๆ จากถนนสายหลักตรงแยก Naka-Cho เดินตรงไปนิดเดียว เจอถนนทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปไม่ไกลก็ถึง แต่กูเกิลคงอยากให้เราเดินชมเมืองกระมัง
ส่วนในแผ่นพับของบ้านแนะนำว่า ตั้งต้นเดินชมเมืองเรื่อยๆ จากสถานีรถไฟ Hon-Kawagoe (Seibu Shinjuku Line) ไป ใช้เวลา 15 นาทีก็ถึง แต่ถ้าเริ่มต้นจากสถานี Kawagoe (JR และ Tobu Tojo Line) ใช้เวลา 25 นาที
ผลผลิตของความอุดมสมบูรณ์แห่งคาวาโกเอะ
มันเทศ ของขึ้นชื่อของที่นี่
บ้าน Yamazaki House บ้านเก่าดีไซน์สวยที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ
บ้านยามาซากิได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1925 ถึงวันนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วถึง 92 ฤดู สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักฟื้นและพักผ่อนของ Kashichi Yamazaki of Kameya หัวหน้าตระกูลรุ่นที่ 5 ที่เกษียณแล้ว เขาใช้ที่นี่เปิดเป็นร้านจำหน่ายลูกกวาดของเมืองคาวาโกเอะ (แสดงว่าเมืองนี้ชอบกินขนมกัน)
สิ่งที่ทำให้บ้านยามาซากิพิเศษและแตกต่างจากบ้านอื่นๆ ในเมืองเดียวกันคือ แบบและรูปทรงของบ้านที่มีสวนในบ้าน ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของสมัยนั้นชื่อ Katsuya Yasuoka ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล มีผลงานออกแบบอาคารสำนักงานในย่าน Marunouchi ของโตเกียว รวมถึงธนาคาร ห้าง และบ้านของผู้มีฐานะมากมาย
ตัวบ้านได้รับการออกแบบตามแนวนิยมของบ้านทรงสมัยใหม่ที่อินเทรนด์ในช่วงปี 1920-1930 เป็นบ้านปูน 2 ชั้น ดูมีความทันสมัยแบบตะวันตก แต่การวางเลย์เอาต์การใช้พื้นที่ภายในบ้านกลับเป็นแบบญี่ปุ่น หนึ่งในสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของบ้านนี้คือการตกแต่งช่องแสงด้วยกระจกสี หรือ Stained Glass โดยเฉพาะตรงบันไดทางขึ้นชั้น 2 ที่มีชื่อว่า Evergreen Magnolia Tree and Blue Jay
บ้านยามาซากิมีอาณาบริเวณกว้างขวาง เมื่อตกมาถึงลูกหลานที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ และมีปัญหาในการดูแลบูรณะ ทายาทจึงได้ตัดสินใจยกให้เป็นสมบัติของเมืองคาวาโกเอะ เพื่อให้ช่วยดูแลรักษาบ้านต่อไป แน่นอนว่าต้องใช้ทุนรอนไม่น้อยเพื่อการนี้ ปัจจุบันบ้านจึงได้รับการขึ้นทะเบียนและอยู่ในความดูแลของ Kawagoe City Cultural Property/National Registered Monument
การเข้าชมเสียค่าเข้าชม 100 เยน ซึ่งถือว่าน้อยมาก ที่บ้านมีอาสาสมัครมาช่วยทำงาน ต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนการเข้าชมเขาให้เราเดินชมเองพร้อมแผ่นพับที่มีรายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ โดยให้ชมเฉพาะชั้น 1 ของบ้านและในสวน ซึ่งยังเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้ดู ไม่ว่าจะเป็นชุดรับแขก พื้นเสื่อทาทามิ ท่อน้ำ สวิตช์เปิดปิดไฟ โคมไฟ เรือนน้ำชาในสวน
เราใช้เวลาไม่นานแต่รู้สึกสนุก เหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต เดินเท้าเปล่า นั่งพักชมสวนบนเสื่อทาทามิ เสียดายที่ในสวนได้รับการดูแลไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้บริเวณรอบๆ ดูแห้งแล้ง ขาดชีวิตชีวาไปหน่อย
ตอนเดินดูบ้านหลังนี้ใจนึกไปถึงพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกของอาจารย์วราพร สุรวดี ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวชีวิตของชาวบางกอกในช่วง 80 ปีที่ผ่านมาให้คนไทยได้ชม อยากรู้ว่าหลังจากอาจารย์เสียชีวิตไปแล้ว อนาคตของพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกจะเป็นอย่างไร ถ้ามีหน่วยงานราชการหรือผู้ที่เห็นคุณค่าเข้ามารับช่วงดูแลรักษาไว้เหมือนที่เมืองคาวาโกเอะรักษาลมหายใจของบ้านหลังนี้ไว้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี
Yamazaki House
ที่อยู่: 2-7-8 Matsue-cho, Kawagoe-shi, Saitama Prefecture, Japan
โทรศัพท์: 049-224-5940
เปิด: เมษายน-กันยายน เวลา 09.30-18.30 น. และตุลาคม-มีนาคม เวลา 09.30-17.30 น.
ปิด: ทุกวันพุธที่ 1 และ 3 ของเดือน และช่วงปีใหม่ ตั้งแต่ 29 ธันวาคม - 1 มกราคม