วชิรา พงศ์พยัคฆ์ | writer | 20 June 2018
ไปเที่ยวกรุงเอเธนส์...ไปทำอะไรดี เป็นคำถามอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ถูกชวนมาเที่ยวที่นี่ น่าจะเป็นเพราะกรุงเอเธนส์ในสายตานักเดินทางไม่ค่อยมีภาพที่ชัดเจนสักเท่าไร ไม่เหมือนเกาะซานโตรินีที่ตระการตาด้วยบ้านสีขาวหลังคาสีฟ้า มุมถ่ายรูปเพียบทั้งเกาะ เดินเท่าไรก็ไม่เบื่อ
แล้วถ้าต้องมาเที่ยวเอเธนส์จริงๆ ลองมาดูกันว่าเมืองโบราณที่มีอายุจริงราว 7,000 ปี (แต่เริ่มบันทึกประวัติศาสตร์มา 3,000 กว่าปี) แห่งนี้จะมีมิติความน่าเที่ยวให้เพลินกันไปในรอบ 24 ชั่วโมงอย่างไรบ้าง
มิติที่ 1: นครโบราณพันปี
เริ่มกันแต่เช้าตรู่ เดินเพลินๆ ไปที่ “อะโครโพลิส (Acropolis)” ซึ่งแปลว่า เมืองบนเขาสูง ดังนั้นอย่าแปลกใจที่จะมีโอกาสได้ยินชื่อนี้ในอีกหลายๆ แห่งในประเทศกรีซ แต่สำหรับที่เอเธนส์ถือเป็นเมืองที่โดดเด่นที่สุด สำคัญตรงที่มีวิหารพาร์เธนอน (Parthenon) ซึ่งสร้างถวายแต่เทพผู้พิทักษ์เมือง “อะธีนา” เทพีแห่งสติปัญญาและชัยชนะเหนือสงคราม ผู้ประทานต้นมะกอกให้เป็นประโยชน์แก่ชาวเมือง (ต้นมะกอกที่ว่ากันว่าเทพประทานนี้ปลูกอยู่ข้างวิหาร Temple to Athena Polias) แต่ใช่เท่านี้ อะโครโพลิสเด่นมากๆ ตรงเป็นสถานที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และวิทยาการของโลกยุคโบราณอย่างยอดเยี่ยมจนได้เป็นมรดกโลก แค่ลองย้อนนึกไปว่าคนในยุคสามพันปีก่อนสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ด้วยหินอ่อนเช่นนี้ได้อย่างไร เครื่องมือเครื่องจักรใดๆ ก็ไม่มี งานแกะสลักหินอ่อนก็ทำได้งดงามอัศจรรย์ การเดินชมสถานที่นี้จุดไฮไลต์นอกจาก Theatre of Herod Atticus, Temple of Parthenon, Temple to Athena Polias ก็คือจุดชมวิวที่เป็นเหมือนป้อมปราการขนาดเล็กตรงที่ปักธงชาติกรีซ เมื่อยืนตรงนี้จะรู้ได้ทันทีว่าชัยภูมิของอะโครโพลิสเหมาะสมสำหรับเทพผู้พิทักษ์เมือง เพราะมองไปเบื้องล่างคือพื้นที่เมืองเอเธนส์ที่กว้างไกลรอบทิศทาง และก็เป็นเหตุผลที่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมันนาซีเลือกใช้ที่นี่เป็นฐานทัพ
ขยับไปยังจุดต่อไปคือ “สนามกีฬาพานาธิเนอิก (Panathenaic)” สนามกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก (ใครๆ ก็รู้ว่ากรีซคือต้นกำเนิดของกีฬาโอลิมปิก) คาดว่าสร้างมาตั้งแต่ 330 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยโบราณถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีเฉลิมฉลองที่อุทิศให้กับเทพอะธีนา ในเดือนกรกฎาคมของทุกปีสเตเดียมนี้จะมีแข่งขันกีฬา วิ่ง ชกมวย กระโดดไกล พุ่งแหลน แข่งรถม้า และท้ายที่สุดจะนำวัว 300 ตัวออกมาที่แท่นบูชา ทำพิธีถวายแด่องค์เทพ ที่นี่ได้รับการบูรณะให้เป็นหินอ่อนสวยงามอย่างที่เห็นเมื่อ ค.ศ. 1895 และใช้เป็นสถานที่เปิดและปิดอย่างเป็นทางการสำหรับกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1896 ผู้คนหลั่งไหลมาชมเต็มความจุถึง 80,000 ที่นั่ง มาเที่ยวตรงนี้หากใครอยากเข้าไปลองวิ่งวัดความยาวสนามก็ซื้อตั๋วกันได้ ถ้าเอาแค่บรรยากาศก็มีที่ถ่ายรูปเก๋ๆ ด้านหน้า และหาซื้อของที่ระลึกโอลิมปิกได้มากมาย
มิติที่ 2: เดินเบาๆ ชมเมือง
หลังจากหนักหน่วงกับการเข้าถึงเมืองแห่งเทพก็มาถึงช่วงเดินชมเมือง เริ่มกันที่ย่าน “จัตุรัสซินตักมา (Syntagma)” ไฮไลต์สำคัญอยู่ตรงการมาชมพิธีผลัดเปลี่ยนเวรของทหารรักษาการณ์หน้าอาคารรัฐสภาที่มีขึ้นทุกๆ ชั่วโมง และมีขบวนพาเหรดเต็มรูปแบบในวันอาทิตย์ช่วง 11.00 น. สิ่งที่น่าชมก็คือลีลาการเดินสวนสนามเล็กๆ เพื่อผลัดตัวและเปลี่ยนเวร เป็นท่วงท่าการเตะสูง ตบเท้า ตบปืนที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว และที่ไม่น่าเบื่อเลยคือชุดที่สวมใส่นั้นเป็นชุดเครื่องแบบทหารโบราณตามธรรมเนียมกรีกที่ต่างกันไปตามฤดูทั้งสี่ แต่ยังเป็นแบบที่ทหารต้องสวมชุดกระโปรงลายปักและสวมไทต์แนบขา เคล็ดลับคือการมาถึงพื้นที่ก่อน 15 นาทีที่นาฬิกาจะตีครบชั่วโมง เพื่อจะได้ยืนแถวหน้าสุดและชมลีลาได้อย่างใกล้ชิด (ช่วงเวลาหนาแน่นของผู้ชมคือ 10.00-12.00 น.)
เสร็จจากการชมทหารหนุ่มหน้าเข้มเตะขาสูงก็ไปเดินชมเมืองเก่ากันที่ “ถนนเออร์มู (Ermou)” ซึ่งเดินง่ายๆ แค่หันหลังจากอาคารรัฐสภา เดินตรงข้ามถนนใหญ่มาที่จัตุรัสตรงกลางก็ตรงเข้าถนนสายนี้ได้ เริ่มที่รอบจัตุรัสเราจะเห็นโรงแรมห้าดาวอย่างโรงแรมแกรนด์เบรอตาญ (Hotel Grande Bretagne) ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับความรุ่งเรืองและตกต่ำของกรีซกว่า 100 ปี กลับมาที่ถนนเบื้องหน้าซึ่งนับเป็นถนนเศรษฐกิจของเมืองสายนี้ หากเป็นเมื่อปี 2007 หรือ 2012 ที่กรีซและยุโรปตกต่ำเราอาจเห็นแต่สภาพร้านค้าปิดหนีตายหรือขายทิ้งมากมาย ทว่าวันนี้ด้วยกระแสการท่องเที่ยวทำให้ร้านรวงต่างๆ และการค้าขายริมทางเดินฟื้นสภาพกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ที่ชวนมาเดินตรงนี้เพราะอยากให้เห็นสภาพการวางผังเมืองที่เชื่อมโยงกันไปมาของพื้นที่สำคัญ ร้านค้าสองข้างทางนี้หากไม่บริหารเวลาให้ดีอาจดึงให้เราเพลินไปมากกว่า 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ระหว่างเดินชมอย่าลืมแวะอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าชาวกรีกร้านเล็กๆ ริมทางสร้างรายได้ทางตรงบ้างก็ดี
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือพิธีผลัดเปลี่ยนเวรของทหารรักษาการณ์หน้าอาคารรัฐสภา
ความสนุกของการเดินตลาด Athens Dimotiki Agora และมุมดริงก์ชมวิวสวยสุดๆ ของเมือง
มิติที่ 3: อิ่มเอมแบบชาวกรีก
แน่นอนมาถึงประเทศกรีซก็ต้องรับประทานอาหารแบบชาวกรีก แต่ยังไม่ต้องดิ่งไปที่ร้านอาหาร อยากให้ไปที่ “ตลาดกลางเอเธนส์ หรือ Athens Dimotiki Agora (Public Market)” ซึ่งตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของถนนอะธีนาส (Athinas Street) ความตื่นตาของตลาดแห่งนี้อยู่ที่อาคารส่วนกลางจะขายอาหารทะเลสดๆ อย่างปลา กุ้ง ปลาหมึกยักษ์ และเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ราคาไม่แพงแต่น่ากินมาก ถ้าได้ที่พักแบบมีครัวในห้องขอแนะนำให้ซื้อไปทำอาหารดู มาที่ส่วนด้านขวาของตลาดนอกจากมีเนื้อวัวแล้วยังมีเนื้อแพะขายกันเป็นตัวๆ ส่วนทางซ้ายของตลาดรวมทั้งฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดผลไม้และผักนานาชนิดทั้งส้ม สตรอว์เบอร์รี พีช เชอร์รี มะเขือเทศ มะเขือม่วง ฯลฯ ที่ล้วนแล้วแต่ราคากิโลกรัมละ 1-3 ยูโร และผลผลิตจากมะกอก (พืชประจำชาติ) ทุกรูปแบบ ผลไม้อบแห้ง ถั่วนานาชนิดก็ราคาไม่ต่างกันเท่าไร นับว่าเป็นแดนสวรรค์สำหรับของสดจริงๆ ถัดจากของสดก็เป็นร้ายขายสารพัดอุปกรณ์ครัว จาน ชาม ยิ่งเป็นลายพื้นเมืองกรีกสาวๆ หลายคนต้องกระโจนใส่ทันที
เสร็จจากของสดเดินย้อนมาที่ “จัตุรัสโมนาสทิรากี (Monastiraki Square)” ที่เบื้องหน้าเป็นอะโครโพลิสอันโดดเด่น ที่นี่เป็นจัตุรัสสุดฮิปมีหลายอารมณ์ปนกันทั้งการแสดงดนตรีบาทวิถี รถเข็นขายอาหาร/ผลไม้ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็ก ร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านขนมหวานกรีกและไอศกรีมชวนอร่อย ซอยขายของมือสอง มุมกราฟฟิตี ฯลฯ แต่ขอพาลึกเข้าไปเพื่อชวนลิ้มรสอาหารกรีกแสนอร่อยกับร้านค้าที่อยู่ลึกไปทางซ้ายมือของจัตุรัสที่เชื่อมไปย่านพลากา (Plaka) ซึ่งมีมากกว่า 100 ร้าน แต่ละร้านตกแต่งตามแบบกรีกน่านั่งต่างกันไป เจ้าของร้านและบริกรทุกร้านอารมณ์ดี เป็นกันเอง ส่วนอาหารที่แนะนำก็มีสลัดกรีก (Greek Salad), ชีสทอด (Saganaki), พายมะเขือม่วง (Moussaka) ซึ่งคล้ายกับลาซานญา, ปลาหมึกชุบแป้งทอด (Calamari), เนื้อย่าง (Souvlaki) กินกับแป้งพิตา, ใบองุ่นยัดไส้ข้าว (Dolmades) ที่ต้องกินคู่กับดิปโยเกิร์ต (Tzatziki) และอีกมากมาย
การอิ่มอร่อยแบบกรีกนั้นอยากแนะนำให้กินกันหลายๆ คน สั่งอาหารมาตรงกลางแล้วแบ่งกันจะดีที่สุด ทั้งอร่อยและสนุก ที่จริงธรรมเนียมการกินอาหารของชาวกรีกก็เป็นแบบกินพร้อมหน้ากันแบ่งอาหารจานกลาง แถมอีกนิดด้วยเบียร์หรือไวน์กรีกก็ไม่ว่ากัน จากนั้นจะดื่มจะดริงก์กันต่อในผับที่แทรกตัวอยู่เป็นระยะก็ได้ แต่ถ้าจะเอาเก๋ไม่เหมือนใครขอแนะนำ A for Athens Bar ที่ติดอันดับต้นๆ ของบาร์วิวสวยสุดในเมือง ซึ่งก็หาง่ายมาก เพราะอยู่ชั้น 6 ของโรงแรม A for Athens ในจัตุรัสนี้ (แต่ขอบอกว่าต้องจองล่วงหน้า) จุดเด่นอยู่ตรงที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำของอะโครโพลิสและพื้นที่รายรอบในมุมกว้าง 360 องศาที่สวยงาม...ลมเย็นๆ ดริงก์เบาๆ วิวโดนๆ แล้วปล่อยเวลาสนุกไปกับคนรู้ใจ
มิติที่ 4: สินค้าประจำชาติห้ามพลาด
ก่อนจะลาจากกรีซเชื่อว่าไม่มีใครกล้าพลาดสินค้าประจำชาติอย่างนานาผลิตภัณฑ์จากมะกอกแน่นอน มีตั้งแต่ผลมะกอกดอง น้ำมันมะกอก ไปจนถึงสบู่ แชมพู ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิวหน้าจากน้ำมันมะกอกแบรนด์เนมหรือแบรนด์บ้านๆ ร้านที่ราคาน่าซื้อควรสำรวจให้ดีทั้งย่านพลากาและถนนเออร์มู เพราะแต่ละร้านตั้งราคาแตกต่างกันมาก (บางยี่ห้อที่สนามบินราคาน่าซื้อกว่า) นอกจากนี้ยังมีเฟตาชีส ชีสนมแพะที่ทั้งมันและเค็มเป็นเอกลักษณ์, ฟองน้ำจากท้องทะเลก้อนเล็กใหญ่สารพัดรูปแบบ, ไวน์กรีก และเหล้าผลไม้ OUZO ที่ควรได้ลองให้ซู่ซ่าสักครั้งหลังอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังแท้ทั้งรองเท้าและกระเป๋า, รูปปั้นเหล่าเทพเจ้าในตำนานกรีก ไปจนถึงเสื้อผ้าที่งดงามด้วยลวดลายกรีกโบราณ หลักการซื้อให้สนุกและเพลินใจอยู่ตรงที่บางสินค้าหากมีราคาตั้งต้นที่ถูกใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอส่วนลด เพราะสินค้ากรีกน่าซื้อมีมากมายให้เพลินใจเพลินกระเป๋าได้หลายชั่วโมง
ต่อจากนี้หากใครชวนไปเที่ยวเอเธนส์คงจะมีภาพชัดๆ ขึ้นมาในใจกันบ้างว่า เมืองโบราณแห่งนี้มีมิติเที่ยวสนุกๆ ได้มากกว่าที่เคยคิด... และที่จริงก็ยังมีมากกว่าที่บอกมานี้อีกด้วย