มณฑิณี เชียงสงค์ | Editor-in-chief | 12 January 2018
วัดเหวี่ยนคง (Huyen Khong) เป็นวัดพุทธเถรวาท ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2516 มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในเวียดนาม มีการจัดกิจกรรมด้านสังคมสงเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบอุทกภัยในภาคกลางและภาคเหนือ ตลอดจนจัดตั้งชมรมพุทธศาสนิกชนเหวี่ยนคง ให้สมาชิกได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกันทุกวันอาทิตย์ นอกจากนี้พระฟาบตงเจ้าอาวาสเพิ่งได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระสุธรรมวงศ์ สย. เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 นับเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญรูปแรกในเวียดนาม
มากฐินพระราชทานที่เมืองเว้ครั้งนี้เรายังได้ไปสุสานพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) ซึ่งสวยแตกต่างจากสุสานกษัตริย์พระองค์อื่น เพราะเป็นสุสานเดียวที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันออกร่วมกับสถาปัตยกรรมตะวันตก อาจเป็นอิทธิพลจากยุคล่าอาณานิคมที่เวียดนามเผชิญในช่วงนั้น สุสานนี้สร้างในสมัยจักรพรรดิไดคิงห์ (พ.ศ. 2431-2468) เพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์ แต่ยังสร้างไม่เสร็จก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปก่อน ภารกิจสร้างสุสานจึงตกเป็นของพระราชโอรสบ๋าวด่าย โดยใช้เวลานานถึง 11 ปี สุสานแห่งนี้สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่เนินเขาสูงตามความเชื่อของชาวเวียดนามที่หลุมฝังศพกษัตริย์ต้องอยู่สูงกว่าสามัญชน ทางเดินขึ้นสุสานเป็นบันได 127 ขั้น ผ่านซุ้มประตูโอ่อ่า ในช่วงแรกจะพบกับรูปปั้นหินของทหาร ช้าง ม้า เสมือนกับองครักษ์เฝ้าสุสาน กลางลานมีแผ่นจารึกอักษรจีนเขียนโดยพระเจ้าบ๋าวด่ายเพื่อรำลึกถึงพระบิดา ส่วนด้านบนสุดคือพระราชวังเทียนดิงห์ที่ตั้งของสุสาน มีรูปปั้นพระเจ้าไคดิงห์ตรงกลาง และมีพระศพอยู่ใต้รูปปั้นลึกลงไป 11 เมตร ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยกระเบื้องเคลือบสีนับพันชิ้นอิทธิพลจากศิลปกรรมจีน เป็นรูปเรื่องราวของสัตว์ ต้นไม้ และดอกไม้ บนเพดานเป็นภาพเขียนสีมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ ซึ่งวาดโดยศิลปินที่ใช้เท้าคีบพู่กันวาด เนื่องจากความเชื่อที่ว่าสามัญชนห้ามยืนอยู่สูงกว่ากษัตริย์ จึงต้องแก้เคล็ดด้วยการสลับกลับหัวอยู่ด้านล่างแล้วใช้เท้าวาดแทน จนกลายเป็นภาพประดับเพดานสวยน่าทึ่ง ภายในสุสานชั้นในยังมีห้องจัดแสดงภาพและเรื่องราวของพระเจ้าไคดิงห์พร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ และรูปปั้นสัมฤทธิ์ของพระเจ้าไคดิงห์ขนาดเท่าพระองค์จริงซึ่งสั่งทำขึ้นที่ฝรั่งเศส ด้วยความสวยงามอลังการของสุสานแห่งนี้ ใครไปเยือนเว้จึงไม่น่าพลาด
คณะจากกระทรวงการต่างประเทศ ณ วัดเทียนมู่
สัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองเว้ก็คือวัดเทียนมู่ (Thien Mu) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายเซนมาตั้งแต่โบราณ คำว่าเทียนมู่แปลเป็นไทยว่าเทพธิดา คนไทยจึงนิยมเรียกวัดนี้ว่าวัดเทพธิดาราม สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเหงียนฮวาง ภายในวัดมีเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนทรงแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นเป็นตัวแทนแต่ละภพของพระพุทธเจ้า ภายในวัดยังมีระฆังทองสัมฤทธิ์ใบใหญ่หนัก 2 ตัน สูง 2 เมตร หากตีจะดังไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร ด้านหลังเจดีย์เป็นประตูทางเข้าวัด ประดิษฐานพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์ที่ผู้คนศรัทธา
วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองในยุคหลังสงครามเวียดนาม เพราะเก็บรักษาและจัดแสดงรถออสตินสีฟ้า รถคันประวัติศาสตร์ที่เมื่อ พ.ศ. 2506 พระภิกษุทิก กว๋าง ดึ๊ก เจ้าอาวาสของวัดเทียนมู่ได้นั่งรถคันนี้ไปประท้วงรัฐบาลโง ดิ่ญ เสี่ยมที่มีปัญหาคอร์รัปชันครั้งใหญ่ และยังบังคับให้ชาวเวียดนามใต้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก (เนื่องจากสหรัฐอเมริกาหนุนชักใยอยู่เบื้องหลัง) ท่านเจ้าอาวาสได้ราดน้ำมันเผาตัวเองและมรณภาพจากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีตำนานเล่าว่าร่างกายของท่านมอดไหม้ แต่หัวใจกลับไม่ได้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน ประชาชนจึงยกย่องท่านให้เป็นเสมือนพระโพธิสัตว์