×

เที่ยวตะลอนด้วยรถไฟในภูมิภาคชูโงะกุ

บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ | Features Editor | 28 May 2018

สารภาพว่ามาเที่ยวภูมิภาคนี้ด้วยความไม่ตั้งใจ เพราะเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่โรงแรมห้าดาวที่ได้ราคางามผ่านเพื่อนมาอีกที ทำให้จุดหมายหลักอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะบนเกาะคิวชู รวมถึงข้อจำกัดของราคาค่าตั๋วเครื่องบินในเวลานั้นก็แพงแสนแพง ใครๆ ก็มาเที่ยวในเวลาเดียวกัน ทำให้จากแผน 7 วันต้องขยายเป็น 14 วัน เพื่อบรรเทาราคาค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่จะไปเสวยสุขบนเตียงนุ่มๆ ของโรงแรมห้าดาวเราจึงต้องทำอะไรกับชีวิตก่อนหน้านั้น เราสำรวจดูตั๋วเจอาร์พาส (JR Pass) ประเภทต่างๆ เพื่อให้ใช้งานคุ้มค่าที่สุด ถ้าเอาง่ายเข้าว่าก็ซื้อเจอาร์พาสประเภท 14 วัน เที่ยวได้ทั่วประเทศโดยรถไฟของเจอาร์ ใช่ มันง่าย แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้าทุกวัน จึงตกลงใจกับตั๋วเจอาร์ประเภท Sanyo-San’in Area Pass 7 วัน ซึ่งเที่ยวได้ทั่วภูมิภาคชูโงะกุ (Chugoku)

ภูมิภาคชูโงะกุคือภูมิภาคทางใต้ของเกาะฮอนชู อธิบายง่ายๆ ว่า ตั้งแต่จังหวัดเฮียวโงะ (โกเบ, ฮิเมจิ) ไล่ลงไปสุดปลายเกาะ ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็นซันโย (Sanyo) พื้นที่ทางใต้ของภูมิภาคชูโงะกุ และซันอิง (San’in) พื้นที่ทางเหนือของภูมิภาคชูโงะกุ แน่นอนว่าถ้าเที่ยวทั่วใช้พาสคุ้มแน่นอน แต่เบสของเราคือฟุกุโอกะ เราจึงเที่ยวพื้นที่ซันโยเป็นหลัก 7 วัน บอกเลยยังไงก็เที่ยวไม่ทั่ว

เมืองเกียวโต และเมืองอุจิ
ถามว่าเคยไปพื้นที่ซันอิงไหม ตอบเลยว่าเคย แต่พื้นที่ทางเหนือของชูโงะกุไม่มีรถไฟชิงกันเซ็ง การทำเวลาจึงไม่ได้มากเท่ากับทางใต้ของชูโงะกุที่เกาะเส้นทางรถไฟชิงกันเซ็ง จากจุดเริ่มต้นที่สนามบินฟุกุโอกะเราใช้รถเมล์มายังสถานีรถไฟฮากาตะ (Hakata) เพื่อเดินทางสู่สถานีเกียวโตด้วยรถไฟชิงกันเซ็ง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ด้วยพาสที่มีเราจำเป็นต้องเปลี่ยนรถที่สถานีชินโอซากา แล้วใช้รถไฟของเจอาร์ต่อไปเกียวโต เนื่องจากตั๋วไม่ครอบคลุมชิงกันเซ็งถึงสถานีเกียวโต 



ทำไมต้องเกียวโต เราตั้งใจมาพักที่เกียวโตเพื่อไปเที่ยววัดเบียวโดอิง (Byodoin) ในเมืองอุจิ (Uji) วันแรกในเกียวโตจึงจบด้วยการตระเวนคาเฟ่ฮอปปิงกับร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่อย่างบลูบอตเทิลคอฟฟี่เกียวโต (Blue Bottle Coffee Kyoto) แบรนด์กาแฟสัญชาติอเมริกันแต่มาโด่งดังในญี่ปุ่น แน่นอนว่าต้องแวะไปสตาร์บัคส์ในบ้านไม้เก่ากลางเมืองเกียวโตด้วยเช่นกัน


วันต่อมาเราให้เวลากับเมืองอุจิแบบเต็มวัน เมืองนี้ได้ชื่อว่ามีใบชาที่ดีที่สุด ถ้ามองดีๆ กลับไม่ใช่ไร่ชาแบบที่เห็นกันแถบดอยแม่สลอง เอาจริงๆ คนแถวนี้ปลูกกันข้างบ้านเลย วัดเบียวโดอิงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและรวมเรื่องเล่าของใบชาอุจิไว้ ใครสนใจเรื่องชาที่นี่แหละคือที่สุด ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ Phoenix Hall ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานของวัด และ Hoshokan พิพิธภัณฑ์ของวัดที่จุดเด่นคือรูปปั้นไม้นักดนตรี 26 รูป ซึ่งเดิมอยู่ในหอวิหคเพลิง รอบวัดก็มีไร่ชาแซมทั่วไปหมด รวมถึงถนนก่อนเข้าวัดที่มีชาเขียวของอุจิขายตลอดทาง ไม่เฉพาะวัดเบียวโดอิง เราตั้งใจมาชิมโซบะชาเขียว และเข้าร่วมพิธีชงชาแบบง่ายๆ ที่การท่องเที่ยวของเมืองเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว

เมืองโอะกะยะมะ เมืองคุระชิกิ และเมืองโคจิมะ
คราวนี้เราข้ามแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของเกียวโตไปทั้งหมดเพื่อไปเมืองโอะกะยะมะ (Okayama) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางให้ไปเที่ยวได้ไม่น้อย ทั้งเกาะนาโอชิมะ เกาะเทชิมะ และเกาะอินุจิมะ กลุ่มเกาะที่เด่นเรื่องงานศิลปะป๊อปอาร์ต อย่างงานของทะดะโอะ อันโด และป้าลายจุดยาโยอิ คุซามะ แต่เราอยู่โอะกะยะมะเพียงวันเดียวจึงไม่ได้ไป โดยเปลี่ยนเป้าหมายไปเมืองคุระชิกิ (Kurashiki) และเมืองโคจิมะ (Kojima) แทน เพื่อดูเส้นทางของผ้าเดนิมหรือที่เรียกกันว่ายีนส์ ภายใต้ภาพเมืองเก่าและคลองของคุระชิกิทำให้เราเดาเองว่าเขตบิกัง (The Bikan Historocal Area) คือย่านเมืองเก่าธรรมดาๆ มีคลองเล็กๆ ให้ล่องเรือชมตึกเก่าสมัยเอโดะที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกไว้ด้วยกัน แต่ฉากหลังที่นี่คือแหล่งขายยีนส์ที่ส่วนหนึ่งก็ถูกส่งมาจากเมืองโคจิมะ เราจึงไม่หยุดที่เมืองคุระชิกิ และมุ่งหน้าด้วยรถไฟไปเมืองโคจิมะ เมืองแห่งยีนส์ 



กระเป๋าสตางค์สะเทือนหนักมากกับการเดินเล่นในถนนสายยีนส์ (Kojima Jeans Street) ทั้งดีไซน์ทั้งคัตติ้งล้วนเอาใจเราไปหมดแล้ว ยกเว้นเงินเยนในกระเป๋าที่ไม่ยอมออกไปไหนง่ายๆ เราโลภถึงขั้นอยากชมวิวสะพานเซโตะโอฮาชิที่เชื่อมฮอนชูกับชิโกะกุ (ไม่แน่ใจว่ายาวที่สุดในญี่ปุ่นไหม แต่ยาวมาก) เราไม่ได้เห็นวิวมุมกว้างเพราะไม่มีเวลาแล้ว แต่ก็อาศัยนั่งรถไฟข้ามไปเพื่อดูว่ามันไกลแค่ไหน และเลือกนั่งย้อนกลับไปที่พักที่โอะกะยะมะ
 

กระเป๋าสตางค์สะเทือนหนักมากกับการเดินเล่นในถนนสายยีนส์ (Kojima Jeans Street) ทั้งดีไซน์ทั้งคัตติ้งล้วนเอาใจเราไปหมดแล้ว ยกเว้นเงินเยนในกระเป๋าที่ไม่ยอมออกไปไหนง่ายๆ

โอะกะยะมะเป็นเมืองที่มีเรื่องเล่าของโมโมทาโร่ เด็กชายที่อยู่ในลูกท้อยักษ์กับการผจญภัยไปเกาะยักษ์ เราเดินทางออกจากสถานีโอะกะยะมะมายังสถานีคิบิสึ (Kibitsu) ที่ตั้งของศาลเจ้าคิบิสึ (Kibitsu Jinja) ที่มีเรื่องเล่าของโมโมทาโร่อยู่

ความตั้งใจมาโอะกะยะมะล่มสลายไปทั้งหมดในวันแรกเพราะยีนส์ ครึ่งวันก่อนเดินทางสู่ฟุกุโอกะจึงกลายเป็นการเก็บตกโอะกะยะมะแทน โอะกะยะมะเป็นเมืองที่มีเรื่องเล่าของโมโมทาโร่ เด็กชายที่อยู่ในลูกท้อยักษ์กับการผจญภัยไปเกาะยักษ์ เราเดินทางออกจากสถานีโอะกะยะมะมายังสถานีคิบิสึ (Kibitsu) ที่ตั้งของศาลเจ้าคิบิสึ (Kibitsu Jinja) ที่มีเรื่องเล่าของโมโมทาโร่อยู่ อีกจุดเด่นคือระเบียงทางเดินโค้งที่ทอดยาวไปตามแนวเขา ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ก่อนกลับเข้าเมืองเพื่อเที่ยวปราสาทโอะกะยะมะและสวน รวมถึงกินข้าวกล่องรถไฟลูกพีชก่อนเดินทางยาวสู่ฟุกุโอกะ

เมืองฮิโรชิมะ และเมืองอิวะคุนิ
มาถึงตรงนี้หลายคนคงงง ทำไมไม่พักที่ฮิโรชิมะหรือเมืองใกล้เคียง นั่นเพราะเราจองที่พักไว้ที่ฟุกุโอกะ และพยายามหาตั๋วราคาดีที่สุดในช่วงไฮที่สุด แต่บอกเลยว่าพาสรถไฟคุ้มตั้งแต่เดินทางจากฮากาตะไปเกียวโตแล้ว เพราะราคาอยู่ที่ 16,000 เยน และเราซื้อมา 19,000 เยน แต่ไม่ใช่เรื่องความคุ้มเท่านั้น เราชอบเสพความสนุกระหว่างทางของรถไฟญี่ปุ่น และการปรับเปลี่ยนแผนเดินทางแบบวันต่อวัน ทริปสุดท้ายที่เราใช้พาสนี้คือการเดินทางจากฮากาตะไปเกาะมิยะจิมะในเมืองฮิโรชิมะ และสะพานคินไตเกียวในเมืองอิวะคุนิ 

จากสถานีฮากาตะนั่งชิงกันเซ็งมาลงที่ชินอิวะคุนิ (Shin Iwakuni) จากสถานีจะมีรถเมล์ไปถึงสะพานคินไตเกียว (Kintaikyo Bridge) ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง สะพานไม้ทรงโค้งที่แค่เห็นในรูปถ่ายก็วางแผนในใจว่ายังไงก็ต้องถ่อมาให้ได้ ซื้อบัตรแบบรวมทุกอย่าง ค่าข้ามสะพานขาไปและกลับ ค่ากระเช้าขึ้นและลงปราสาทอิวะคุนิ และค่าเข้าชมปราสาท สะพานไม้ทรงโค้งออกแบบขึ้นมาเพื่อป้องกันความแรงของสายน้ำนิชิกิในฤดูน้ำหลาก เมื่อข้ามสะพานมาได้จะมีเส้นทางเดินจนมาถึงกระเช้าที่สามารถขึ้นไปชมวิวจากปราสาทอิวะคุนิได้ ปราสาทหลังนี้ไม่ใหญ่มาก แต่วิวดี มาที่นี่ห้ามพลาดชิมอิวะคุนิซูชิ ซูชิขนาดยักษ์หน้ารากบัวดอง เนื้อปลาดอง และไข่หวาน 

นั่งรถเมล์จากสะพานไปยังสถานีรถไฟอิวะคุนิแล้วต่อรถไฟไปยังสถานีมิยะจิมะงุชิ (Miyajima-guchi) ก่อนข้ามไปยังเกาะมิยะจิมะแนะนำให้แวะที่ร้าน Ueno ซื้อข้าวกล่องข้าวหน้าปลาไหลก่อน แล้วใช้เรือเฟอร์รี่ของเจอาร์ข้ามไป เกาะมิยะจิมะมีไฮไลต์อยู่ที่วัดอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) วัดริมทะเลที่มีจุดเด่นอยู่ตรงประตูสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่าโทริอิ (Torii) ตั้งอยู่ในทะเล เป็นแลนด์มาร์กสำคัญเลย วัดนี้สวยมาก น่าจะติดอันดับวัดสวยในญี่ปุ่น ของกินบนเกาะมีหลายสิ่งอย่าง โดยเฉพาะหอยนางรมและคราฟต์เบียร์ท้องถิ่น

บอกเลยว่าการเดินทางแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบนั่งรถไฟชมวิว อาศัยความตรงเวลาของรถไฟนี่แหละเที่ยวได้สะดวกดี