ยาโยอิ คุซามะ (Yayoi Kusama) เป็น 1 ใน 75 ศิลปินที่เข้าร่วมแสดงเทศกาลงานศิลปะร่วมสมัย “บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018” ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม 2018 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 ซึ่งนำเอางานศิลปะของศิลปินทั่วโลกมากกว่า 200 ชิ้นมาแสดงตามสถานที่สำคัญๆ ของกรุงเทพฯ แต่ก่อนจะพาไปดูงาน “ป้ายาโยอิ” หรือ “ป้าลายจุด” ในไทย เราขอพาเดินทางไปดูงานของป้าที่ประเทศบ้านเกิดกันก่อน ที่ Yayoi Kusama Museum ตั้งอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University)

ที่นี่เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2017 และเป็น 1 ใน 4 พิพิธภัณฑ์ที่ฮิตที่สุดในโตเกียวโดยนิตยสาร Time Out ซึ่งประกอบด้วย Ghibli Museum, teamLab Borderless, Snoopy Museum และ Yayoi Kusama Museum



เมื่อเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ฮิตสุดอะไรสุด แน่นอนว่าการจะได้บัตรเข้าชมมาไว้ในมือไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราต้องจองบัตรล่วงหน้า 1 เดือน! หรือมากกว่านั้น และย้ำว่าเปิดให้จองบัตรเข้าชมทางออนไลน์เท่านั้น ไม่มีขายหน้างาน แต่ถ้าเพิ่งมานึกได้ว่าอยากไปดูงานป้าตอนจองตั๋วเครื่องบินไปแล้วก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะมีที่เหลือมั้ย ดังนั้นแนะนำให้จองบัตรเข้าชมงานป้าก่อนจองตั๋วเครื่องบินจะชัวร์แท้แน่นอนว่าได้ดูร้อยเปอร์เซ็นต์ (แบบเรา)

แต่ละวันพิพิธภัณฑ์จะเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 4 รอบ ได้แก่ 11.00, 12.30, 14.00 และ 13.30 น. แต่ละรอบรับได้เพียง 50 คน ก่อนถึงวันที่เราจองตั๋วจะมีอีเมลเตือนและบอกกฎกติกามารยาทต่างๆ พอถึงวันจริงควรไปถึงล่วงหน้าก่อนเวลา 30 นาที ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ต้องแสดง E-ticket หรือจะพริ้นต์ออกมาก็ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะติดสติกเกอร์วงกลมไว้ที่เสื้อของเรา...เอาละพร้อมแล้ว ลุยเลย!



ชั้น 1 Reception และจุดขายสินค้าที่ระลึก

หยิบแผ่นพับตรงเคาน์เตอร์ติดตัวไปด้วย เพราะในนั้นจะบอกว่าแต่ละภาพที่จัดแสดงไว้ชื่ออะไร วาดด้วยเทคนิคไหน เนื่องจากบนผนังที่ติดตั้งภาพจะไม่มีตัวเลขหรือรายละเอียดใดกำกับไว้ ด้านหน้าของจุดรีเซปชันเป็นจุดขายสินค้าที่ระลึกซึ่งมีไม่มาก เรียกว่าพอกล้อมแกล้ม เช่น คุกกี้แบรนด์ของป้าเองกล่องละ 1,000 เยน ผ้าพันคอผืนละ 3,000 เยน โมเดลฟักทองลายเส้นของป้าชิ้นละ 20,000 เยน



ชั้น 2 “50s Works on Paper”

ห้องนี้เป็นห้องแสดงงานของป้าที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นช่วงๆ ตอนที่เราไปเป็นธีม Here, Now, I have Reached the Grandest Start of My Life แสดงงานทั้งหมด 20 ชิ้น ธีมนี้จบไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นธีม I Want You to Look at My Prospects for the Future: Plants and I โดยจะมีไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 โน่นเลย



ชั้น 3 “My Eternal Soul”

ห้องนิทรรศการแสดงผลงานจำนวน 16 ชิ้น เป็นงานวาดชิ้นจิ๋วๆ ของป้า
 

ชั้น 4 Installation Room “Pumpkins Screaming About Love Beyond Infinity 2017”

ชั้นนี้เราสามารถเข้าไปดูฟักทองซึ่งเป็นหนึ่งในลายเส้นของป้ายาโยอิ ห้องมืดด้านในเป็นตู้กระจกเดินรอบตู้ได้ 360 องศา แสงไฟจะค่อยๆ สว่างขึ้นปรากฏเป็นรูปฟักทองสีเหลืองจำนวนมาก และมองได้ทุกมุม มีมิติทุกมุม ทางพิพิธภัณฑ์จำกัดให้เราอยู่ในห้องนี้ได้แค่รอบละ 2 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอไม่ทัน ยังสามารถเข้ามาใหม่ได้อีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเสพลายจุดจนหนำใจ





ชั้น 5 ห้องอ่านหนังสือและ Rooftop Sculptor “Starry Pumpkin Starry Pumpkin 2015”

ชั้นสุดท้าย...เป็นห้องแสดงหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวกับป้ายาโยอิ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประวัติ แนวความคิด หนังสือภาพผลงานของป้า นั่งดูก็เพลินๆ ถือว่าพักเมื่อยด้วย เปิดประตูห้องหนังสือออกไปจะเป็นรูฟท็อปที่มีฟักทองยักษ์ตั้งอยู่หนึ่งลูก ตรงนี้คนเข้าดูงานจะเยอะหน่อยเพราะเป็นจุดถ่ายรูป หากอยากได้ภาพสวยๆ อาจต้องนั่งรอสักครู่หนึ่ง



Selfie Spot!

จากชั้นดาดฟ้าสามารถลงสู่ชั้น 1 ได้ทางลิฟต์ ซึ่งด้านในยังคงเป็นลายจุดสีแดงทั้งตัวลิฟต์เลย ก็เซลฟี่สิ! จะรออะไร ซึ่งถ้าโชคดีได้เข้าไปคนเดียวก็จะได้ถ่ายแบบสบายๆ โพสได้เต็มที่ แต่ถ้ามีคนอื่นด้วยก็ตัวใครตัวมัน หากยังไม่ได้รูปในลิฟต์เราแนะนำในห้องน้ำนะ น่ารักเหมือนกัน!



สรุปว่าคุ้มไหม

Yayoi Kusama Museum อาจไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ใหญ่สุดของป้า เพราะถ้าจะเอาใหญ่สุดจริงและออริจินัลจริงต้องไปที่บ้านเกิดเมืองมัตสึโมะโตะ จังหวัดนางาโนะ หลายๆ อย่างในเมืองนั้นเป็นโพลกาดอตชวนใจละลายมาก แต่ที่โตเกียวนี้ก็ไม่อ่อนแอแม้จะไม่ได้ขนงานทุกชิ้นของป้ามาไว้ แถมค่าเข้าไม่ได้แพงเลย 1,000 เยนถ้วนเท่านั้น



รู้ก่อนไป

ติ่งงานป้ายาโยอิที่กรุงเทพฯ!

ถ้ายังไม่มีโอกาสได้ไปโตเกียวไวๆ นี้ ที่กรุงเทพฯ ก็มีงานป้าให้ดูเหมือนกันในเทศกาลงานศิลปะร่วมสมัยบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ซึ่งพิกัดงานของป้ามีดังนี้

1. ชื่องาน “14 Pumpkins” (2017) จัดแสดงอยู่ที่โซน Beacon ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พิกัดนี้หาไม่ยาก แค่เงยหน้ามองเพดานก็จะพบกับผลฟักทองยักษ์สีขาวลายจุดแดงนับสิบห้อยลงมาจากด้านบน โดยราวบันไดเลื่อนบริเวณนั้นก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นลายจุดด้วยเช่นกัน

2. ชื่องาน “Pumpkin” (2017) และ “I Carry on Living with the Pumpkins (Red)” (2016) จัดแสดงที่ Fashion Gallery ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

แวะไปดูกันได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 หรือหากอยากดูผลงานของศิลปินคนอื่น เข้าไปดูรายละเอียดและสถานที่แสดงงานได้ทาง www.bkkartbiennale.com