×

ฮอตต่อเนื่องรับปี 2019 มงกุฎท่องเที่ยวเอเชียลงที่ “ฟิลิปปินส์”

ศรัณยู นกแก้ว | Writer | 05 January 2019


 

แม้เวที Miss Universe 2018 จะปิดฉากลงไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทว่าทั่วทั้งจักรวาลยังคงจับจ้องมาที่ฟิลิปปินส์ไม่เว้นแม้แต่แวดวงการท่องเที่ยว เพราะเบื้องหลังความงามของ แคทรีโอนา เกรย์ สาวงามผู้คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลหรือมิสยูนิเวิร์ส 2018 ล้วนแล้วแต่ซ่อนความลับอันน่าค้นหาของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ไว้ในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็นชุดราตรีสีแดงเพลิงที่สื่อถึงภูเขาไฟมายอน (Mayon Volcano) ชุดประจำชาติที่ใส่สีสันของเกาะลูซอน (Luzon) มินดาเนา (Mindanao) วิซายัส (Visayas) รวมทั้งใส่ภาพประวัติศาสตร์ลงไปเต็มๆ ในด้านหลัง ตุ้มหูที่สื่อถึงธงชาติฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ชุดราตรีที่ไม่ได้ใส่เดินมาอวดโฉมก็สื่อความเป็นไข่มุกแห่งบูรพาของกรุงมะนิลาลงไป ไม่เพียงเท่านั้น ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Catriona Gray ก็ขยันปล่อยภาพแคทรีโอนาคู่กับแหล่งท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์ออกมารัวๆ กับผู้ติดตามกว่าหนึ่งล้านสี่แสนคน แล้วมงจะไม่ลงฟิลิปปินส์ได้อย่างไร ส่วนฟิลิปปินส์มีอะไรให้ท่องเที่ยวบ้างนั้น เรามีท็อปลิสต์มาฝากกัน

 

  1. ภูเขาไฟมายอน


ภูเขาไฟรูปกรวยคว่ำที่สมบูรณ์แบบแห่งนี้คือที่มาของชุดราตรีสีแดงเพลิงในคืนคว้ามงกุฎของแคทรีโอนา เกรย์ หลายคนยกให้ภูเขาไฟมายอนแห่งนี้เป็นภูเขาไฟฝาแฝดกับฟูจิซึ่งมีความสมมาตรคล้ายกัน และแม้ภูเขาไฟมายอนจะแปลว่าหญิงงามตามชื่อของวีรสตรีในตำนาน อีกทั้งภูเขาไฟแห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่จังหวัดอัลไบย์ บนเกาะลูซอน อันเป็นบ้านเกิดของแคทรีโอนาอีกด้วย ทว่าภูเขาไฟมายอนกลับเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีพลังมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ข่าวการระเบิดหลายต่อหลายครั้งในรอบครึ่งศตวรรษไม่เคยหยุดยั้งนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนเกาะที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ได้ เพราะนอกจากกิจกรรมหามุมถ่ายภาพภูเขาไฟแล้ว รอบภูเขาไฟมายอนยังมีรีสอร์ต จุดตั้งแคมป์ กิจกรรมเดินป่า ขับรถ ATV เพื่อชมวิวโดยรอบภูเขาไฟ และที่เสี่ยงแต่บรรดานักปีนเขาก็ยอมคือการปีนเขาความสูง 2,460 เมตรขึ้นไปถ่ายรูปเพลิงลาวาที่ไหลออกมาจากปากปล่อง ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่ากิจกรรมถ่ายภาพลาวาปะทุพ่นออกมาจากปากปล่องจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปยังจังหวัดอัลไบย์กันมากขึ้น เฉพาะเดือนมกราคมปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 10% เลยทีเดียว

 

  1. เมืองเก่ามะนิลา




แม้ได้ชื่อว่ารถติดพอๆ กับกรุงเทพฯ และคุณจะได้เห็นภาพของความเหลื่อมล้ำระหว่างรวยสุดกับจนสุดสลับไปมาถนนต่อถนน รวมทั้งเป็นเมืองที่ใครๆ ก็ขู่ว่า “อันตราย” แต่เมืองหลวงมะนิลาก็มีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่พอตัว อย่างถนนเลียบชายหาดสู่อ่าวมะนิลาที่เต็มไปด้วยเรือยอชต์ แต่ที่เป็นไฮไลต์ของมะนิลาจริงๆ ต้องยกให้กับเขตเมืองเก่าที่อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมลูกครึ่งมะนิลา-สเปนซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในอดีต ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารมะนิลา (Manila Cathedral), ป้อมปราการซันตีอาโก (Fort Santiago), มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย University of Santo Tomas, จัตุรัส Plaza Miranda ใครเป็นสายประวัติศาสตร์ สายสถาปัตยกรรม สายถ่ายภาพเห็นแล้วจะกรี๊ดมาก เพราะแต่ละแห่งยังคงความสมบูรณ์ โอ่อ่า และเก็บรายละเอียดเรื่องการตกแต่งไว้ได้ครบ และถ้าจะให้ได้บรรยากาศแนะนำให้นั่งรถม้ากุบกับๆ เที่ยวเมืองเก่า ซึ่งสามารถเลือกเส้นทาง สถานที่เที่ยว และเวลาได้เอง สะดวกมาก

 

  1. เปิดประสบการณ์นั่งรถจี๊ปนีย์


หากการมาเที่ยวไทยให้ถึงไทยคือต้องนั่งรถตุ๊กๆ การไปเที่ยวฟิลิปปินส์ให้ถึงฟิลิปปินส์ก็ต้องไม่พลาดการทดลองระบบขนส่งสาธารณะที่เรียกว่า “จี๊ปนีย์ (Jeepney)” ซึ่งมีให้บริการตามเมืองใหญ่ๆ อย่างมะนิลา เซบู ลักษณะของจี๊ปนีย์คล้ายกับรถสองแถวในบ้านเราแต่คันใหญ่และตกแต่งสีสันได้จี๊ดกว่า สำหรับเมืองหลวงอย่างมะนิลาจี๊ปนีย์เป็นขนส่งสาธารณะราคาถูกที่ค่อนข้างแออัด เจ้าของรถอาจพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องนัก นักท่องเที่ยวจึงต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวมากหน่อย ใครใจไม่ถึงแนะนำให้ไปยืนเกาะขอบรถถ่ายรูปคู่ก็พอ ส่วนบนเกาะต่างๆ จี๊ปนีย์บางส่วนถูกปรับเปลี่ยนเป็นรถรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งก็จะมีความชิลกว่า และเส้นทางการเดินรถก็สับสนน้อยกว่ากรุงมะนิลาด้วย

 

  1. เกาะเซบู


ใครที่วางแผนไปฟิลิปปินส์ครั้งแรก “เกาะเซบู (Cebu)” จะทำให้คุณตกหลุมรักประเทศนี้ในทันทีตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ลงจอด เพราะระหว่างทางที่เหินฟ้าต่อเครื่องจากมะนิลาไปจะมองเห็นเกาะเล็กๆ และเกาะภูเขาไฟของฟิลิปปินส์พ่นควันอยู่เบื้องล่างสวยงามมาก และเมื่อถึงเกาะน้ำทะเลสีฟ้าใสไล่ระดับไปสีเทอร์ควอยส์จะทำให้คุณอยากออกมายืนมองทะเลทุกวัน สำหรับนักดำน้ำการนั่งเรือขาแมงมุมออกไปว่ายน้ำคู่ฉลามวาฬคือความฟินเบอร์ต้น ในส่วนของนักดูนกเกาะเล็กๆ ชื่อ Olango ที่อยู่ใกล้กันจะทำให้คุณอยากฝังตัวและกดชัตเตอร์รัวๆ ส่วนบนฝั่งมีรีสอร์ตทั้งแบบหรูทั้งแบบราคากลางให้เลือก โดยในช่วงซัมเมอร์เซบูเป็นปลายทางยอดฮิตของเหล่านักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่มาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ด้านแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะนั้นมีครบทั้งตลาดปลาที่ยังคงเห็นการประมูลปลาแบบดั้งเดิม ส่วนใครชอบธรรมชาติก็มีครบทั้งน้ำตกและการเดินป่าไปแคมป์ปิ้งบนยอดเขา Osmeña Peak ใครชอบความชิลให้เช็กพอยต์ที่เส้นทางชมอาคารเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมซีกโลกตะวันตก ซึ่งในอดีตเซบูคือจุดหมายแรกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ที่ชาวสเปนได้เข้ามาปักหมุด และที่ห้ามพลาดที่สุดคือ “เทศกาล Sinulog” ที่จัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมกราคม โดยแต่ละหมู่บ้านจะจัดเต็มด้วยชุดพื้นเมืองกลิ่นอายสเปนออกมาเดินขบวนพาเหรดเพื่อรำลึกถึงนักบุญ Santo Nino

 

  1. ผ้าทอแห่งมินดาเนา


หลายคนเพิ่งรู้จักความงามของ “เกาะมินดาเนา” ผ่านคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก www.facebook.com/catrionaelisagray ยอมรับเลยว่าภาพของสาวแคทรีโอนาในชุดชนเผ่าจากเส้นใยอะบากา (Abaca) ขณะนั่งอยู่ในเรือไม้ขุดแบบโบราณกลางทะเลบัวประกอบด้วยท่วงทำนองของเพลงชนเผ่ายิ่งทำให้เกาะแห่งนี้มีเสน่ห์มากขึ้น และในวันประกวดชุดประจำชาติเวที Miss Universe 2018 สาวแคทรีโอนาก็ยังตอกย้ำสีสันของเกาะแห่งนี้ด้วยการสวมเครื่องหัวของมินดาเนา หลังจากจบการประกวด วิดีโอท่องเที่ยวมินดาเนาฉบับเต็มก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยยอดชมจากทั่วโลกที่พุ่งพรวดเป็นสามล้านวิวใน 3 สัปดาห์ ทำให้แคมเปญ The Land of Dream Weavers เข้ามาอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมสีสันและจิตวิญญาณของมินดาเนาที่ถ่ายทอดลงในวัฒนธรรมการทอผ้าที่เรียกว่า T'nalak ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูงของชนเผ่า T'boli ในคลิปวิดีโอนั้นจบลงด้วยอาหารพื้นเมือง ดนตรี และการเต้นรำ ที่เห็นแล้วอยากจองตั๋วไปมินดาเนาในทันที

 

  1. หาดสวรรค์เกาะโบราไกย์


“เกาะโบราไกย์ (Boracay)” คืออีกปลายทางของคนรักทะเล หาดทรายสีขาวละเอียดตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยส์ใสแจ๋วถึงใต้พื้นน้ำนั้นสวยงามราวสวรรค์บนดิน และสามารถทำเงินเข้าฟิลิปปินส์ได้ราว 31,000 ล้านบาทต่อปี โดยปีที่แล้วรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศปิดเกาะนานถึง 6 เดือนเต็ม เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและกำจัดขยะจากโรงแรม รีสอร์ตกว่า 500 แห่ง และในปี 2019 นี้เกาะโบราไกย์จะกลับมาเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าจะสวยงาม สะอาดกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

 

  1. ภูเขาช็อกโกแลตแห่งเกาะโบโฮล


จากเกาะเซบูสามารถต่อเรือไปยัง “เกาะโบโฮล (Bohol)” ได้ใกล้มาก ที่นี่โดดเด่นด้วยภูเขารูปร่างแปลกตาที่เรียกว่าภูเขาช็อกโกแลต (Chocolate Hills) ซึ่งเป็นภูเขากลมๆ โผล่ขึ้นมาในเมืองคาร์เมน (Carmen) กว่า 1,200 ลูก ในฤดูฝนภูเขาทั้งหมดจะเป็นสีเขียวอ่อนและมีสายหมอกคลอเคลียอยู่ด้านล่าง ส่วนในฤดูร้อนภูเขาจะถูกความร้อนของแสงแดดเผาไหม้กลายเป็นสีน้ำตาลคล้ายกับสีช็อกโกแลตเข้มข้นอย่างไรอย่างนั้น และมากกว่าภูมิประเทศที่แปลกตาของภูเขาช็อกโกแลต โบโฮลยังมีเจ้า ทาร์เซียร์ (Tarsier) ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายากที่สุดในโลกและเป็นต้นแบบของตุ๊กตาเฟอร์บีด้วย

 

  1. เมืองมรดกโลก “วีกัน”


หลายคนรู้จักฟิลิปปินส์แค่เรื่องทะเลและธรรมชาติจนหลงลืมไปว่ายังมีเมืองเก่า เมืองมรดกโลกอย่าง “วีกัน (Vigan)” บนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นอีกปลายทางที่ไม่ควรพลาด เราขอยกให้ที่นี่เป็นเมืองโรแมนติกติดระดับเอเชีย เริ่มจากถนนทุกสายในเมืองยังคงปูด้วยอิฐเก่า ด้วยความเป็นอาณานิคมเก่าของสเปนที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ที่นี่จึงมีเอกลักษณ์ของอาคารที่ผสมผสานระหว่างสเปน จีน และความเป็นพื้นถิ่นของฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่องค์การยูเนสโกยกให้เป็นเมืองมรดกโลก ในเมืองยังมีรถม้าวิ่งบริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะยามค่ำคืนบอกเลยว่าเหมือนกำลังนั่งไทม์แมชีนย้อนเวลาหาอดีตสมัยอาณานิคมอย่างไรอย่างนั้น