×

“ศรีลังกา” เมืองที่เข้มข้นด้วยรสชา วัฒนธรรม ธรรมชาติ และเสียงลั่นชัตเตอร์

ชัชวาล จักษุวงค์ | Writer | 27 January 2019



ศรีลังกาได้รับการจัดอันดับจากหลายสำนักให้เป็นที่หนึ่งในบรรดาประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดของปีนี้ เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีความหลากหลายทางศาสนา พร้อมทั้งมีประวัติและรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ รวมไปถึงผู้คนที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังศรีลังกาตอนกลางและแถบตอนใต้ นี่คือพิกัดถ่ายภาพสวยๆ ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด  
 

1. Galle District

ภาพแรกที่ใครหลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงศรีลังกาก็คือภาพชาวประมงตกปลาในแบบฉบับของชาวศรีลังกาโดยเฉพาะ นั่นคือการนั่งตกปลาอยู่บนเสาเล็กๆ ในทะเล หรือ Stilt Fishing จุดที่เราได้ภาพนี้มาคือบริเวณหาดใกล้กับโรงแรม Sagara และ RDS Surf School ในเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่า Koggalla เคล็ดลับในการถ่ายภาพเราแนะนำให้ไปถ่ายช่วงเย็น เพราะจะได้ภาพชาวประมงคู่กับพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ (เนื่องจากจุดที่ตกปลาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก) อย่างไรก็ตามถ้าอยากเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพแนะนำให้ใช้ความไวชัตเตอร์ต่ำสัก 2-3 วินาที เพื่อให้ภาพคลื่นทะเลออกมาดูนุ่มนวล แต่อาจต้องมีขาตั้งมาช่วยหรือต้องถือกล้องนิ่งพอสมควร

นอกจากจุดตกปลาแล้วในย่านนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ไปเก็บภาพสวยๆ ได้ เช่น Galle Dutch Fort จุดชมพระอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดในละแวกนี้ ส่วนหาด Weligama ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศการเล่นกระดานโต้คลื่นของนักเล่นเซิร์ฟทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ หรือจะนั่งเรือออกไปเก็บภาพฝูงวาฬจากหาด Mirissa ก็ได้เห็นวาฬระยะประชิดอย่างไม่ผิดหวัง แต่อาจต้องใช้เวลาตั้งแต่เช้าตรู่ยันบ่ายกันเลย





ค่าใช้จ่าย: เนื่องจากภาพชาวประมงตกปลาบนเสากลางทะเลกลายเป็นไอคอนหนึ่งของประเทศศรีลังกาไปแล้ว มันจึงกลายเป็น Tourist Attraction กลุ่มชาวประมงจึงมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการถ่ายภาพ ซึ่งเราจ่ายไป 1,000 รูปีหรือประมาณ 178 บาทแลกกับภาพการตกปลาที่คึกคักเช่นนี้


2. Yala National Park และ Udawalawe National Park

ศรีลังกาได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรมส่องสัตว์โดยไม่ต้องไปไกลถึงแอฟริกา สถานที่ยอดนิยมก็คือ Yala National Park และ Udawalawe National Park ทั้งสองแห่งเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือดาว ช้างป่า จระเข้ ควายป่า หมี รวมไปถึงนกอีกหลายสายพันธุ์

ในส่วนของการถ่ายภาพเราแนะนำว่าควรมีเลนส์ระยะ 500-800 มม. เพื่อที่จะส่องสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด (เพื่อความปลอดภัยเราต้องอยู่บนรถตลอด ไม่สามารถเข้าใกล้สัตว์ในระยะประชิดได้) สำหรับเคล็ดลับในการถ่ายภาพ หากต้องการหยุดการเคลื่อนไหว เช่น ภาพนกกำลังบินบนท้องฟ้า ควรใช้ความเร็วชัตเตอร์ค่อนข้างสูง เช่น 1/2500 วินาทีขึ้นไป ในบางสถานการณ์ระบบออโตโฟกัสของกล้องไม่เร็วพออาจต้องใช้แมนนวลโฟกัสแทนอาจจะแม่นยำกว่า

เคล็ดลับอีกอย่างที่สำคัญคือ เชื่อว่าหลายคนอยากเจอไฮไลต์อย่างเสือดาวเลยตั้งเป้าหมายไว้ที่เสือดาวเป็นหลัก คนขับรถก็จะขับพามุ่งหน้าหาเสือดาวอย่างเดียว เราแนะนำว่าหากเจออะไรที่คิดว่าจะได้ภาพสวยๆ ระหว่างทางก็จงหยุดเก็บภาพนั้นดีกว่าที่จะหวังน้ำบ่อหน้า ซึ่งบางทีคุณอาจจะไม่เจอเสือดาวเลยก็ได้ แถมอดเก็บภาพสัตว์อื่นๆ ไปด้วย แล้วจะมานั่งเสียดายทีหลังได้

ค่าใช้จ่าย: การเข้าไปชมสัตว์ในอุทยานแห่งชาติต้องซื้อแพ็กเกจทัวร์เข้าไป (มีรถจี๊ปพร้อมคนขับ) ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางความห่างของที่พักและอุทยาน โดยเริ่มต้นที่ 2,500 บาท


3. Adam’s Peak

ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,243 เมตร Adam’s Peak จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในศรีลังกา ที่นี่ถูกเรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า “Sri Pada” หมายถึง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ที่ชาวพุทธในศรีลังกาเชื่อว่ามีรอยพระพุทธบาทจารึกอยู่ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมีผู้คนแวะเวียนขึ้นมาสักการะอยู่ไม่ขาดสาย แม้จะต้องขึ้นมาด้วยความยากลำบากก็ตาม





เคล็ดลับในการถ่ายรูปแนะนำว่าควรเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ตีหนึ่งเป็นอย่างต่ำจะได้ถึงยอดเขาราวตีสี่ตีห้า เพื่อที่จะมีเวลาจับจองจุดที่มองเห็นวิวดีที่สุด (อยู่ใกล้บันไดทางขึ้นนั่นแหละ) อย่าลืมเตรียมน้ำและของว่างขึ้นไปด้วยเผื่อหิว ที่สำคัญคือเสื้อกันหนาว เพราะอากาศข้างบนหนาวมาก

ค่าใช้จ่าย: ฟรี 


4. Knuckles Mountain Range

นี่เป็นกิจกรรมเดินทางไกลที่น่าจะโดนใจคนรักธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้ได้รับการบรรจุให้เป็น UNESCO World Heritage Natural Site เมื่อปี 2009 กิจกรรมเริ่มต้นที่การชมการทำนาแบบขั้นบันได จุดนี้คุณจะได้เก็บภาพบรรยากาศการทำนาของชาวบ้าน เช่น ภาพชาวนากำลังถอนต้นกล้าข้าว ภาพวิวทุ่งนาอันสวยงาม (ถ้าอยากได้ช่วงที่ต้นข้าวเขียวขจี เดือนกุมภาพันธ์จะเหมาะสุด) เสร็จแล้วเดินผ่านหมู่บ้าน ตรงนี้คุณจะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านในย่านนั้น แนะนำให้พกเลนส์ Portrait เช่น เลนส์ระยะ 50 หรือ 85 มม. ที่มีรูรับแสงกว้างไปด้วยเพื่อเก็บภาพบุคคลสวยๆ







จากนั้นเป็นการเดินขึ้นเขาเพื่อไปดูป่าสนและน้ำตก ตอนนี้คุณสามารถบันทึกภาพชาวบ้านที่กำลังเก็บใบชาไประหว่างทางได้ เมื่อถึงจุดชมน้ำตก เคล็ดลับในการถ่ายภาพก็คือลองใช้ความไวชัตเตอร์ต่ำเพื่อให้ภาพออกมาดูน่าสนใจ และอย่าลืมหย่อนเท้าแช่น้ำที่น้ำตกแห่งนี้ด้วย เพราะคุณจะได้ทำสปาเท้าจากปลาในธรรมชาติแบบฟรีๆ

ค่าใช้จ่าย: ฟรี


5. Horton Plains National Park

ถ้าชอบการเดินทางไกลบนเขา นี่เป็นอีกจุดที่อยากแนะนำ ระยะทางทั้งหมดไม่ไกลมาก ราว 10 กิโลเมตร หรือใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น จุดชมวิวหลักๆ มี 2 ที่ ที่แรกคือ World’s End หน้าผาความสูง 880 เมตร จุดนี้คุณสามารถเก็บภาพวิวทิวทัศน์อันอลังการได้ แนะนำว่าควรใช้รูรับแสงแคบหน่อยเพื่อให้เก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วน





หากต้องการภาพเหมือนกับที่เห็นบ่อยๆ ในอินสตาแกรม (ยืนเท่ๆ ชมวิวสวยๆ) จุดนี้แหละที่ไม่ควรพลาด แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังสักหน่อยเพราะไกด์ของเราเล่าให้ฟังว่ามีคนตกหน้าผาระหว่างถ่ายเซลฟีไปแล้ว 3 ราย ส่วนจุดชมวิวอีกจุดคือ Baker’s Falls น้ำตกขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากหน้าผา World’s End ราว 2 กิโลเมตร

ค่าใช้จ่าย: การเดินทางขึ้นไปอุทยานแห่งชาติต้องอาศัยรถสามล้อหรือรถตู้ ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 รูปีหรือราวหกร้อยกว่าบาท


6. Hatton

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเวลามาเที่ยวศรีลังกาก็คือการนั่งรถไฟ ชมไร่ชา เยี่ยมชมโรงงานผลิตชาเพื่อเรียนรู้ขั้นตอนการทำ ซึ่งที่เมือง Hatton คุณจะได้ทำครบทั้ง 3 กิจกรรมในที่เดียว โดยต้นทางเรานั่งมาจากเมือง Kandy ในส่วนของการเก็บภาพ อย่างแรกคือภาพผู้โดยสารบนรถไฟ หากต้องการเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพลองใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำเพื่อให้แบ็กกราวนด์ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวอยู่



ถัดมาคือภาพของผู้คนท้องถิ่น คุณสามารถเก็บภาพได้ตอนที่รถจอดที่ชานชาลา (สามารถเดินไปมาบนรถไฟได้) สำหรับการชมไร่ชาและเยี่ยมชมโรงงานผลิตชาเราสามารถแวะเข้าไปถ่ายภาพชาวบ้านที่กำลังเก็บใบชาในไร่ชาได้ แน่นอนว่าเลนส์ที่เหมาะก็คือเลนส์ Portrait และเลนส์มุมกว้าง







อ้อ หากคุณพกขนมหรือของว่างไปฝากพวกเขาคุณก็จะได้ภาพรอยยิ้มอันเป็นธรรมชาติกลับบ้านมาด้วย ส่วนการเยี่ยมชมโรงงานผลิตชา ที่โรงงานมีจัดทัวร์ให้ชมฟรีและอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ในบางจุดมีแสงน้อยอาจต้องอาศัยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสักหน่อยเพื่อไม่ให้ภาพสั่นไหว

ค่าใช้จ่าย: ค่ารถไฟจาก Kandy มา Hatton ระดับ First Class ราคา 1,250 รูปีต่อที่นั่ง แนะนำว่าควรจองล่วงหน้าโดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น