EAT & PLAY
กินเที่ยว “โตเกียว”...เมืองที่เปิ้ล-จริยดี สเป็นเซอร์เลือกนอกจากจะเป็นเมืองที่ Kid-friendly แล้วยังเหมาะสมกับการเป็นเมืองหลวงด้านอาหารของประเทศญี่ปุ่น เรารวบรวมร้านอาหารฝีมือระดับพระกาฬไล่ตั้งแต่ร้านพาร์เฟต์สุดเก๋ไปจนถึงซูชิที่เสิร์ฟทุกคำด้วยจิตวิญญาณ โตเกียวมีทุกคำตอบที่ชิวหาคุณร่ำร้องเสมอ 

EAT...อร่อยแบบต้นตำรับจนถึงร้านสมัยใหม่



1. มิโดริซูชิ (Midori Sushi)
ซูชิเจ้าดังที่ไม่ว่าจะเลือกสาขาไหนก็ต้องต่อคิวทั้งนั้น เราแนะนำให้ไปสาขาแรก ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองสักหน่อย นั่นคือย่านอุเมะกะโอกะ (Umegaoka) รองรับได้มากถึง 144 ที่นั่ง ถ้าเลือกจังหวะไปแต่เช้าหรือบ่ายแก่ๆ อาจโชคดีสุดๆ ไม่ต้องรอคิวก็ได้ สงสัยใช่ไหมว่าทำไมนักชิมถึงติดใจซูชิมิโดริ เพราะเขาสร้างสรรค์ทุกเมนูขึ้นมาภายใต้คอนเซปต์ “วัฒนธรรมอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้” โดยมีองค์ประกอบหลักสามส่วน คือ วัตถุดิบสดใหม่ ทักษะฝีมือของเชฟ และความหลงใหลในซูชิ เรียกได้ว่าใส่ใจต่อความรู้สึกของลูกค้า ดังนั้นทุกคำที่ลูกค้ารับประทานทางร้านได้ส่งแรงบันดาลใจผ่านรสสัมผัสจากมือของเชฟเข้าไปด้วย นอกจากเมนูซูชิแล้วยังเด่นเรื่องเครื่องเคียง เช่น สลัดมิโซะปู (Kani Miso Salad 600 เยน) รสชาติเค็มๆ มันๆ ไหนๆ ไปแล้วสั่งจัมโบ้เซตให้หนำใจ เซตใหญ่สุด 2,800 เยน ประดิดประดอยออกมาสวยงามทุกคำ รวมสุดยอดทุกอย่างของซูชิไม่ว่าจะเป็นหน้าไข่หวาน ไข่ปลาแซลมอน ทูน่า รวมถึงปลาไหลย่างคำโตที่หลายคนเลิฟสุดๆ

ที่อยู่: 1-20-7 Umegaoka, Setagaya-ku, Tokyo โทร. +81-3-3429-0066 
เวลาทำการ: วันอังคาร-วันเสาร์ 11.00-22.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00-21.00 น. 
การเดินทาง: นั่งรถไฟสายโอดะกิว (Odakyu Line) ไปลงสถานีโอดะกิวอุเมะกะโอกะ (Odakyu Line Umegaoka Station) ทางออกด้านทิศใต้ จากสถานีใช้เวลาเดิน 1 นาที 
เว็บไซต์: www.sushinomidori.co.jp/eng/ 

2. ถนนราเม็งโตเกียว (Ramen Street ในสถานีโตเกียว)
เหมาะมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการความสะดวก เพราะอยู่ในสถานีโตเกียว ซึ่งคุณอาจสัญจรไปเพื่อหาซื้อของฝาก หรือใช้บริการรถไฟด่วนชิงกันเซ็ง ลองแวะไปที่ถนนราเม็งโตเกียวซึ่งรวบรวมร้านมีชื่อเสียงไว้มากมาย ทั้งเมนูก็หลากหลาย ตามคอนเซปต์ที่ว่า “เมนูใหม่ให้คุณกินได้ไม่ซ้ำทุกวัน!”

การเดินทาง: สถานีโตเกียว (Tokyo Station) ทางออก Yaesu Exit ทางทิศใต้
 

3. ร้านพาร์เฟต์ทะกะโนะ (Takano Fruit Parlour & Fruit Bar)
หนึ่งในร้านขนมหวานและผลไม้ระดับตำนานที่มีอายุเกินศตวรรษ ปัจจุบันมีหลายสิบสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่มีสาขาดั้งเดิมอยู่ที่กลางเมืองโตเกียวในย่านชินจุกุ ก่อตั้งโดยคุณทะกะโนะ โยชิ ทะโระตั้งแต่ ค.ศ. 1885 ที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคุณหนูๆ เพราะทางร้านเน้นของหวานที่ใช้ผลไม้สดคัดสรรอย่างพิถีพิถันระดับเกรดเอ และราคาไม่แพงมาก เช่น เมลอน สตรอว์เบอร์รี่ ลูกแพร์ ฯลฯ สับเปลี่ยนตามฤดูกาล ได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นมายาวนาน หากรับประทานเยอะแนะนำโซนบุฟเฟต์ Takano’s Bar (บุฟเฟต์ราคาประมาณ 2,000-4,000 เยน) แต่ถ้าชอบแบบเลือกชิมเข้าโซน TAKANO Fruit Parlor จะดีกว่า หรือสนใจอยากซื้อผลไม้สดจากโตเกียวเป็นของฝากคนที่บ้านแวะไปได้ที่ชั้น B2 มีจำหน่ายหลากหลายชนิดจนละลานตา

ที่อยู่: 3-26-11 Shinjuku, Shinjuku-ku, Tokyo 
เวลาทำการ: 11.00-21.00 น. หยุดทุกวันที่ 1 มกราคม และวันจันทร์ที่สามของเดือนเมษายนและตุลาคม
การเดินทาง: สถานีเจอาร์ชินจุกุ (JR Shinjuku Station) ร้านอยู่เกือบติดกับทางออกฝั่งตะวันออก (Central East Exit)
เว็บไซต์: takano.jp/takano/en/

4. นิงเกียวโชะ อิมะฮัง (Ningyocho Imahan)
เอาใจคุณพ่อผู้นำครอบครัวด้วยเนื้อนุ่มๆ กันบ้าง ใครมีเพื่อนญี่ปุ่นย่อมรู้ดีว่าหากอยากเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษต้องมีสุกียากี้เป็นตัวเลือกแรกๆ เสมอ อิมะฮังคือหนึ่งในร้านสุกียากี้เก่าแก่ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคเมจิ (พ.ศ. 1895) ความใส่ใจในรสชาติแบบดั้งเดิมและการคัดสรรเนื้อวัวคุณภาพดีส่งต่อให้อิมะฮังขยายสาขาไปทั่วญี่ปุ่นรวมทั้งหมด 13 แห่ง บรรยากาศตกแต่งแบบบ้านเก่าให้ความรู้สึกอบอุ่น การกินเนื้อสุกี้ต้องย่างในหม้อด้วยน้ำซอสซีอิ๊วหวาน หลังจากย่างพอสุกแล้วจึงนำเนื้อไปจุ่มกับไข่ดิบเพื่อลดทอนความร้อนและให้ลื่นคอกินสะดวก คนไทยที่ไม่คุ้นชินกับการกินแบบนี้ทางร้านเอาใจด้วยซอสคุซุ (Kuzudare) ทำจากรากมัน รสชาติเค็มนิดหน่อย เหมาะจิ้มกับผักซึ่งเสิร์ฟตามฤดูกาล ครอบครัวไหนไม่กินเนื้อวัวและอยากเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูขอเพียงสั่งจองล่วงหน้า ทางร้านจะสั่งเนื้อหมูคุโรบุตะจากจังหวัดคะโงะชิมะมาเสิร์ฟให้อิ่มอร่อยไม่แพ้กัน ก่อนจากทางร้านจะอธิบายถึงประวัติของวัวที่ได้กินไปว่ามีสายพันธุ์มาจากไหน ช่วยตอกย้ำความคุ้มค่าสมกับเป็นมื้ออันแสนยอดเยี่ยม!

ที่อยู่: 2-7-1 Nishi-shinjuku, Shinjuku-ku, Tokyo โทร. +81-3-3345-1470
การเดินทาง: สถานีชินจุกุ (Shinjuku Station) ทางออก West Exit จากนั้นเดินตรงไปยังตึก Shinjuku Odakyu Daiichi Life ร้านตั้งอยู่ชั้น 1F

PLAY...ไม่ว่าสูงแค่ไหน จะไปถึง 

1. พิพิธภัณฑ์ดิจิทัลโดยทีมแล็บ (MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: teamLab Borderless) 
เมื่อเทคโนโลยีและศิลปะมารวมตัวกัน ความมันและความสนุกจึงบังเกิด! นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่ฮอตฮิตใหม่ล่ามาแรงที่สุดของโตเกียวยามนี้ (เพิ่งเปิดเดือนมิถุนายน 2018) สร้างสรรค์ผลงานโดยทีมแล็บ บอร์เดอร์เลส ซึ่งนำงานไปแสดงตามเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น ปารีส เซี่ยงไฮ้ ตอนนี้เปิดโอกาสให้เข้าชมแบบถาวรด้วยการแสดงผลงานศิลปะประมาณ 50 ชิ้น บนพื้นที่ราว 10,000 ตารางเมตรที่เต็มไปด้วยมุมมองสร้างสรรค์ เช่น ทุ่งดอกไม้ สวนโคมไฟ ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่แข่งกันถ่ายรูปรัวๆ ช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาสมอง ผู้ใหญ่เองก็ตื่นตาตื่นใจ มุมที่หนูๆ น่าจะชอบที่สุดน่าจะเป็นโซน Sketch Aquarium ที่สามารถวาดรูปสัตว์ต่างๆ พร้อมใส่ชื่อตัวเอง แล้วงานศิลปะชิ้นนั้นก็จะไปแหวกว่ายในทะเลดิจิทัล ข้อควรระวังคือ พิพิธภัณฑ์มีส่วนพื้นเป็นกระจก ควรเลี่ยงการสวมกระโปรง รวมถึงรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าแตะ 

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) 3,200 เยน เด็ก (อายุ 4-14 ปี) 1,000 เยน
การเดินทาง: เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี Tokyo Teleport Station หรือสถานี Aomi หากนั่งรถไฟสาย Yurikamome 

2. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)
ยังคงเป็นตัวแทนความสง่างามแห่งสหัสวรรษด้วยตำแหน่งหอกระจายสัญญาณโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในโลก โดยปีนี้ฉลองความยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 6 แล้ว ณ จุดชมวิว Tokyo Skytree Tembo Deck ที่ห่างจากพื้นดินราว 350 เมตร คุณจะได้ชมวิวโตเกียวที่สูงที่สุดพร้อมกิจกรรมส่งไปรษณียบัตรจากตู้ไปรษณีย์ที่อยู่บนจุดที่สูงสุดของโตเกียว หากมาชมช่วงกลางคืนหอคอยจะเปลี่ยนสีที่มีสองความหมาย โดยสีฟ้า (Iki) เป็นตัวแทนของแม่น้ำซุมิดะ และสีม่วง (Miyabi) สีแห่งความหรูหรา ถ้าโชคดีได้มาในวันงานเทศกาลต่างๆ สีของสกายทรีจะเปลี่ยนไป เช่น สีทอง สีน้ำตาล โดยมีลูกเล่นมากกว่าหมื่นสี เดินเล่นจนเหนื่อย ที่ชั้น 2F มีมุมเพิ่มพลังเป็น Tokyo Downtown แนะนำร้านขนม Chou à la crème ชวนชิมสกายทรีชูครีมแบบยาวไม่เหมือนใคร และ Gold Sesame Zakuzaka ชูครีมรสไม่หวานจัด แป้งพัฟฟ์หอมอร่อยด้วยงาสีเหลืองทอง

ที่อยู่: 1 Chome-1-2 Oshiage, Sumida, Tokyo 
เวลาทำการ: 8.00-22.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 21.00 น.)
ค่าเข้า: โซน Tokyo Skytree Tembo Deck ชั้น 350 ผู้ใหญ่ 2,060 เยน อายุ 12-17 ปี 1,540 เยน อายุ 6-11 ปี 930 เยน และอายุ 4-5 ปี 620 เยน หากต้องการขึ้นไปโซน Tokyo Skytree Tembo Galleria ชั้น 450 จะเสียเงินเพิ่มอีกคนละประมาณครึ่งหนึ่งของราคาตั๋วที่ซื้อในชั้น 350 
การเดินทาง: รถไฟสายโทบุสกายทรี (Tobu Skytree Line) ลงที่สถานีโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree Station) หรือรถไฟสายฮันโซมง (Hanzomon) ลงที่สถานีโอชิอะเกะ-สกายทรีมะเอะ (Oshiage- Skytree Mae Station) 
เว็บไซต์: www.tokyo-skytree.jp/th/  

3. จุดชมวิวสกายเซอร์คัสซันไชน์ 60 (Sky Circus Sunshine 60 Observatory)
ไม่ใช่แค่จุดชมวิวธรรมดา เพราะนี่คือ “จุดชมวิวที่ลองสัมผัสได้จริง!” ในคอนเซปต์ “Sky Circus” หรือสวนสนุกบนท้องฟ้า พาครอบครัวไปพบกับประสบการณ์การชมวิวแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เปิดพื้นที่แห่งความสนุกทั้ง 7 โซนด้วยลูกเล่นกับความสูง เช่น เท็นกุ 251, คาเลโดะสเคป, SKY บริดจ์, SKY PARTY, Cafe Quu Quu Quu เป็นความบันเทิงที่ได้ทั้งดู สัมผัส รู้สึก และทำให้หัวใจเต้นกระจาย ในขณะเดียวกันก็ยังคงเห็นทิวทัศน์โดยรอบแบบ 360 องศา ของเล่นใหม่แบบนี้มีหรือที่เพื่อนเดินทางจะไม่พาไปเช็กอิน

ที่อยู่: Sunshine 60, 3-1-1 Higashi Ikebukuro, Toshima-ku, Tokyo โทร. +81-3-3989-3457
เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. (เปิดให้เข้าสถานที่จนถึง 21.00 น.) 
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็กระดับประถมฯ 600 เยน
การเดินทาง: เดิน 8 นาทีจากทางออกทิศตะวันออกของสถานีเจอาร์อิเคะบุคุโระ (JR Ikebukuro Station) 

SHOP TILL YOU DROP
1. Ginza Six
ห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ที่รวบรวมร้านค้าไว้ถึง 241 ร้าน ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจและเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในห้างหรู ทั้งยังมีโรงภาพยนตร์ สินค้าแบรนด์นานาชาติให้เลือกสรร ภายนอกตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ด้านในมีศิลปะร่วมสมัยประดับตกแต่งรวมถึงรูปฟักทองลายจุดของยาโยอิ คุซามะ กลายเป็นศิลปะเปิดสาธารณะให้เราได้ชื่นชมระหว่างจับจ่าย ด้านบนเปิดเป็นสวนลอยฟ้า พาลูกๆ ไปรับลมที่ Ginza Six Garden สามารถชมวิวของ Tokyo Tower และ Tokyo Skytree ได้อีกด้วย

ที่อยู่: 6-10-1 Ginza, Chuo-ku, Tokyo 
การเดินทาง: ลงสถานี Ginza ทางออก A3 
เว็บไซต์: ginza6.tokyo 

2. อะเมะโยะโกะ (Ameyoko)
มากันเลยสำหรับใครชอบของถูกและบรรยากาศแสนคึกคัก นี่ละตลาดขายส่งสินค้าอันดับต้นของโตเกียว ทุกซอกซอยอัดแน่นไปด้วยสินค้าที่คุณมองหา เปิดตลาดมาตั้งแต่หลังสงครามโลก ขายสินค้าเบ็ดเตล็ดทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า ซีฟู้ด ผัก ผลไม้ อาหารแห้ง ขนม ของฝาก เป็นย่านที่ถูกทั้งใจและราคา 

การเดินทาง: ลงสถานีอุเอะโนะ (Ueno Station) ทางออก 5B

เพื่อนเดินทางว่า ก่อนกลับ “ของมันต้องมี” พวกนี้อย่าตกหล่น
 


1. ร้านเครื่องเขียนอิโตะยะ
เพิ่มแรงบันดาลใจในการเรียนของลูกรักด้วยร้านเครื่องเขียนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนที่น่าจับน่าใช้ไปเสียหมด ทั้งสวยและสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกัน จากร้านเล็กๆ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 ในย่านกินซะ กลายเป็นร้านโมเดิร์นสุดทันสมัยเพิ่งปรับปรุงเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ไปเมื่อสามปีที่แล้ว จำหน่ายสินค้ามากมายไล่ตั้งแต่สมุด ปากกา กล่องเก็บปากกา กล่องใส่นามบัตร กรอบรูป และอื่นๆ อีกจิปาถะ ไปเถอะ รับรองลูกของคุณต้องชอบ

เว็บไซต์: www.ito-ya.co.jp/about/

2. เครื่องมือเครื่องใช้ภายในครัว
ใครที่ชื่นชอบการทำอาหารญี่ปุ่น มองหาของตกแต่งบ้านน่ารักๆ หรือกระทั่งอยากเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น แนะนำให้ไปชอปสินค้าขายส่งที่ “ย่านค้าอุปกรณ์และเครื่องมือคัปปะบาชิโดกุไก” สถานที่จำหน่ายอุปกรณ์ในการทำอาหารโดยเฉพาะ มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทันสมัยใช้สะดวก หยิบมาใช้เมื่อไรก็ช่วยให้คลายคิดถึงญี่ปุ่นเมื่อนั้น

การเดินทาง: รถไฟสาย Tsukuba Express Line ลงสถานีอะซะกุซะ (Asakusa Station) ทางออก 2 จากนั้นเดินอีก 5-10 นาที 
เว็บไซต์: www.kappabashi.or.jp/en/index.html 

3. ชุดกิโมโนราคาย่อมเยา
ร้านทันซุยะ (Tansu-ya) ได้รับความนิยมถึงขนาดมีหลายสิบสาขาทั่วโตเกียว รวมไปถึงเมืองใหญ่ๆ ตามภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่น โดยนำกิโมโนเก่ามาดัดแปลงใหม่ให้หรูหราในราคาเอื้อมถึงภายใต้แนวคิด “Affordable, Elegant, Fun” เพื่อให้คนทั่วไปรู้สึกเพลิดเพลินกับการใส่กิโมโนมากขึ้น ถือเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สวมใส่ได้ ซื้อไว้เดินเล่นที่นั่น หรือเก็บไว้เวลาไปปาร์ตี้ก็เก๋ไปอีกแบบ

เว็บไซต์: remo178.wixsite.com/tsytyo