สราลี อุรุพงศา | Editorial Manager | 04 September 2019
ไม่มีที่ไหนแล้วในเกาหลีใต้ที่จะรวมเอางานศิลปะ เส้นทางเดินเทรลขึ้นเขา ปิกนิกใต้ต้นไม้ใหญ่ ศึกษาธรรมชาติ แถมยังได้ถ่ายรูปสวยไปพร้อมๆ กันได้เท่าที่นี่ “Anyang Art Park” ซึ่งค่อนข้างโด่งดังในแง่สถานที่ถ่ายรูปสวยเป็นอันดับต้นๆ ในเกาหลีใต้ แต่น่าเสียดายที่หลายคนมักไปแค่จุดถ่ายรูปที่เป็น The Must แค่ประมาณไม่เกิน 5 จุด จนเราน้อยเนื้อต่ำใจแทนงานศิลปะอื่นๆ ที่กระจายตัวอยู่อย่างเหงาๆ ความจริงแล้วที่นี่มีงานศิลปะซ่อนอยู่กว่า 50 จุด
เมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา Anyang Public Art Project (APAP) ได้พัฒนาสวนให้เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชิ้นใหญ่โต) ที่สามารถสื่อสารเข้าใจง่ายกับคนทั่วไป จากที่เคยใช้ชื่อ Anyang Yuwonji เลยเปลี่ยนมาเป็น Anyang Art Park จนทุกวันนี้มีคนมาเยี่ยมที่นี่กว่าปีละ 6 แสนคน จากภูเขาสวยๆ กลายเป็นภูเขาแห่งงานศิลปะ หรือจะเรียกว่าเป็นสวนศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้
APAP ออกแบบโดยสถาปนิกชาวโปรตุเกสให้สอดคล้องไปกับธรรมชาติรอบๆ บริเวณนี้ ซึ่งเจ๋งตรงที่ไม่ว่ามองจากมุมไหนตัวอาคารก็จะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ ข้างในนี้มีนิทรรศการเล็กๆ เกี่ยวกับสวน มีห้องสมุด Park Library ที่ดีไซน์จากกระดาษและของเหลือใช้
เราเดินอยู่สักพักก็ไปเจอตราปั๊มที่ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้า เลยควักสมุดจิ๋วของตัวเองออกมาปั๊มแล้วพบว่าเป็นตราปั๊มลายอาคาร APAP นี่แหละ เราหยิบแผนที่แจกฟรีจากแถวนั้น สักพักมีพนักงานแจกแผนที่เล็กสีชมพูเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษให้อีก พร้อมบอกว่ามีจุดแสตมป์ของสวนด้วยนะ ส่วนจุดที่เราคิดว่าน่าสนใจจริงๆ ขอลิสต์ไว้ดังนี้
1. Artificial Falls
ออกจาก APAP เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ จะเจอกับแท่นดำๆ ทรงพลังที่เลียบเนียนไปตามเชิงเขาด้านขวามือ เรามาพบเอาตอนหลังว่าจริงๆ แล้วคืองานอาร์ตที่เป็นแท่นปลอมและน้ำตกปลอมตามชื่อชิ้นงานเลย ซึ่งจะมีน้ำตกไหลลงมาให้เห็นจริง แต่ตอนเราไปช่วงเช้าๆ ยังไม่มีน้ำตกจ้า...
เดินไปใกล้ๆ จะเห็นชัดเลยว่ามีไฟที่ยังไม่ได้เปิดอยู่มากมายที่พร้อมส่องให้น้ำตกเปลี่ยนสี แต่ตอนนี้ (ราวสิบโมงกว่า) ทั้งน้ำทั้งไฟยังไม่มี แต่ก็เป็นข้อดีที่เราสามารถไปยืนบนแท่นได้โดยไม่เปียก ไปอยู่โขดหินก็ได้ไม่มีใครว่า แถมยังเดินเข้าอุโมงค์แคบๆ ที่มีร่องรอยของน้ำตกอยู่บ้างตามพื้นได้ด้วย (ข้อดีของคนมาเช้าอยู่ตรงนี้แหละ #ขยิบตา)
2.Linear Building Up In The Trees
เดินข้ามสะพาน Gwanak ไปแล้วอดใจรออีกนิดจะเจอกับลานจอดรถที่ด้านบนเป็นอุโมงค์สีฟ้าวนล้อมรอบไว้ก่อนจะม้วนตัวพาไปยังทางเดินเล่นหลากระดับด้านล่าง ซึ่งเป็นจุดถ่ายรุปยอดฮิต แนวคิดของศิลปินนักออกแบบ Vito Acconcil นั้นไม่ใช่แค่ทำอุโมงค์สวยๆ แต่เขาอยากแก้ปัญหาลานจอดรถที่ไม่มีความสวยงามเอาเสียเลยให้เป็นจุดที่พอจอดรถปุ๊บคนมาเที่ยวสามารถเดินเล่นในที่สวยๆ ได้ คิดภาพว่าถ้าเป็นที่อื่นก็คงเหมือนการกั้นเชือกเป็นตัวหนอนยึกยือให้คนทยอยเข้าพาร์กนั่นแหละ แต่ที่นี่เป็นถึงสวนศิลปะ เพราะฉะนั้นงานอาร์ตต้องมาต้อนรับขับสู้กันตั้งแต่ลงจากรถแบบนี้แหละ
นอกจากอุโมงค์สีฟ้าที่ถ่ายมุมไหนก็สวยเป็นบ้าแล้ว เดินไปสุดทางจะเจอกับทางเดินหลายระดับคล้ายโรงละครกลางแจ้งที่จะนั่ง จะยืน จะเดินอยู่มุมไหนก็ได้ จะถ่ายจากด้านบนก็สวย ถ่ายในระดับเดียวกันแล้วเห็นวิวภูเขาลูกโตก็สวยตอบโจทย์อาร์ตกลางป่าเข้าไป
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เราวนเวียนอยู่แถวนี้มาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะแถวนี้น่ะขึ้นกล้องเหลือเกิน อ้อ เตือนไว้ตรงนี้เลยว่าถ้ามีเวลาน้อยแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ไม่อยากเดินเยอะ บอกแท็กซี่ให้มาจอดที่ลานจอดรถตรงนี้เลยก็ได้นะ จะได้เริ่มเดินจากจุดที่ไกลที่สุดอย่างจุดนี้เลย
3. Le Cube
หลุดจากวังวนเปลืองเมมกล้องเมื่อกี้มาได้ปุ๊บให้มองเข้าไปในป่าจะเจอกับสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่ทำจากสเตนเลสสตีลตั้งอยู่โดดๆ ศิลปิน Fabrice Gygi สร้างงานนี้ให้คนไม่สามารถเข้าออกในลูกบาศก์ได้ แต่อยากให้สนุกกับกิจกรรมหรือกีฬาต่างๆ โดยใช้พื้นที่รอบนอกลูกบาศก์แทน
ชิ้นงานนี้เชิญชวนให้ปีนป่ายได้ไม่ยากเพราะสเตนเลสแข็งแรงมากอยู่แล้ว นึกภาพว่าเป็นสนามเด็กเล่นผู้ใหญ่ เราจะปีนไปนอนด้านบนถ่ายรูปลงมาด้านล่าง หรือให้เพื่อนด้านล่างถ่ายเราตอนนอนบนลูกบาศก์ก็ได้ สมความตั้งใจของศิลปินแน่แล้ว
4.Paper Snake
เดินกลับมาแถวๆ APAP อีกครั้งจะเจอกับสะพานสีขาวข้ามลำธารที่พาไปเข้าป่าอย่างจริงจัง ช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาวก็เลยเจอต้นไม้ห่มไหมพรมกันเป็นแถวจนลามมาถึงราวสะพานเลย กันหนาวให้ต้นไม้แล้วยังกันหนาวให้ราวสะพานด้วย เป็นความเกินเรื่องเกินราวของคนเกาหลีที่น่ารักชะมัด เดินเข้าป่าขึ้นเขาไปก็เจอสัตว์ต้อนรับอยู่ตรงสะพาน เจ้าโอริงามิงู (Paper Snake) ที่เปลี่ยนจากการเลื้อยเป็นการพับอย่างสร้างสรรค์
5.Dimensional Mirror Labyrinth
เป็นอีกจุดที่ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวย แต่เราอยากให้ทุกคนที่เข้าไปถ่ายรูปได้รู้ถึงแนวคิดของชิ้นงานนี้ที่ทำขึ้นมาจากความศรัทธาของศาสนา ศิลปิน Jeppe Hein สร้างเขาวงกตทรงกลมที่ซ้อนทับด้วยกระจกหลายชั้น ความเจ๋งคือเมื่อเดินเข้าไปในวงกตอย่างมีสติและสมาธิแล้ว พอออกมาจากวงกตแล้วเดินขึ้นเขาต่อมา จากนั้นย้อนมองกลับไป เราจะเห็นชิ้นงานนี้เป็นวงกลมที่สวยและสงบมากๆ จนอยากจะกราบคนสร้างเลยล่ะ
6.Anyang Crate House - Dedicated to the Pagoda
ไต่ระดับขึ้นไปอีกจะเจอบ้านประหลาดทรงคลื่นที่ทำจากลังใส่ขวดน้ำหลากหลายสีวาไรตี้สุดๆ แต่เชื่อไหมว่าศิลปิน Wolfgang Winter & Berthhold Horbelt ต้องการสร้างงานชิ้นนี้ให้เป็นเจดีย์ในจินตนาการของพวกเขา ด้วยเพราะที่อันยังเต็มไปด้วยพุทธศาสนสถาน ศิลปินจึงเห็นว่าควรมีเจดีย์ที่สร้างด้วยวัสดุทันสมัยตั้งอยู่ตรงนี้
ตรงทางเข้าเจดีย์เราเจอกับโต๊ะตัวเล็กที่มีตราปั๊มวางอยู่จนทำเอายิ้มไม่หุบที่ได้เจอ ถ้าดูแผนที่แผ่นใหญ่ดีๆ แล้วจะเห็นว่าที่นี่มีตราปั๊มให้ปั๊มถึง 8 จุด การไปทุกๆ จุดแล้วมองหา (ตรา) ปั๊มเลยกลายเป็นเรื่องสนุกไม่แพ้การศึกษางานศิลปะหรือการถ่ายรูปเล่นเลย
7.The Tail of Dragon
ศิลปิน Lee Seung-Taek มองว่าภูเขา Samseong ในพื้นที่ของ Anyang Art Park มีลักษณะเหมือนมังกร เขาเลยสร้างหางมังกรด้วยการมุงกระเบื้องโบราณอย่างละเมียดละไมให้มีรูปทรงโค้งเรียวเหมือนหางมังกร อ้อ! ตรงจุดนี้มีป้ายเตือนว่าห้ามไปนั่งบนหางมังกรด้วยนะ ระมัดระวังกันด้วย
8.Anyang Peak
อย่าเพิ่งท้อไปถ้าเห็นว่าหอชมวิวสูงสุดของที่นี่สูงเหลือเกิน จริงๆ แล้วไม่ได้เดินเมื่อยขนาดนั้น เพราะเขามีทางลาดให้เดินวนขึ้นหอง่ายๆ (ไม่ใช่ขั้นบันไดที่ต้องสับๆ จนปวดเข่า) แถมยังมีตัวเลขบอกความสูงเป็นระยะๆ และยังออกแบบทางลาดแบบกว้างไปแคบให้รู้สึกมีความหวังว่าไม่ไกลนักฉันจะไปถึง และถึงจะยังขึ้นไปไม่ถึงจุดพีกของหอคอย แต่แค่มองขึ้นไปข้างบนจนเห็นทางลาดเล็กลงๆ นั้นก็สวยมากแล้ว วิวข้างบนก็คือการเห็นอันยังทั้งหมด 360 องศา และแน่นอนว่าจะเห็นวิว Anyang Art Park ทั้งหมดที่เราเดินผ่านกันมาด้วย
9.Re.Vol.Ver
ศิลปิน Hermann Maier Neustadt เลือกสร้างโครงสร้างการทับซ้อนกันของทรงกระบอกโปร่งใส 2 ชิ้นเข้าด้วยกันให้เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ชิ้นงานถูกออกแบบให้มีรูปร่างคล้ายปืนพก แม้มันจะหน้าตาสดใส สีสันน่ารักน่าชังก็ตาม ทำให้พอเราไปนั่งที่ฝั่งสีเหลืองทรงกลมอีกทีก็รู้สึกเหมือนเป็นกระสุนกำลังจะถูกปล่อยจากกระบอกปืนอย่างไรอย่างนั้นเลย
10. Boy and Girl
ผลงานศิลปะนี้ไม่มีในแผนที่ จังหวะที่เราเจอ (ตอนลงเขาในเส้นทางที่ไม่ไกลจาก Anyang Crate House นัก) เลยตกใจเอามากๆ เมื่อได้เห็นรูปปั้นเด็กผู้หญิงนอนคว่ำเท้าคางในรูปร่างที่บิดเบี้ยวจากจริงไปมาก เธอแบนและราบไปกับพื้นจนเราแอบกลัวและไม่กล้ามองนานๆ เราเดินผ่านรูปปั้นนี้มาจนเจอป้ายชื่อผลงานเขียนไว้ว่า Boy and Girl
เอ๊ะ มีเด็กผู้หญิงแล้ว ไหนล่ะเด็กผู้ชาย จนเดินถอยมาหน่อยแล้วก็เจอเด็กผู้ชาย! เชื่อไหม เราตกใจแบบใจหายวาบไปเลย สะดุ้งแทบจะวิ่งหนีลงเขาไปแล้ว คือเด็กผู้ชายน่ะตัวสูงชะลูดมาก และแน่นอนว่าแบนแต๊ดแต๋เลย รูปปั้นเด็กผู้ชายพิเศษตรงที่แบนในภาวะที่ไม่ปกติ กล่าวคือ ส่วนตัวแบนในระนาบหนึ่ง แต่หัวหันไปทางซ้ายเลยแบนในอีกระนาบหนึ่ง พอเดินไปถ่ายทางฝั่งซ้ายของเขาก็คือขวัญกระเจิงไปเลยเพราะเหมือนกับเขาจ้องเราอยู่ จ้องจิกเลย ทำได้ยังไงน่ะ เพราะสูงขนาดนั้นแถมตาก็ไม่ได้ใหญ่โต จะเหมือนเขามองเราได้ยังไง เอาเป็นว่านี่คือชิ้นงานศิลปะที่ต้องกราบศิลปิน Yi Hwan Kwon จริงๆ ที่นอกจากสร้างงานที่เล่นกับรูปทรงอันบิดเบี้ยวได้เจ๋งเป็นบ้าแล้วยังเล่นกับการมองเห็นของคนด้วยการเลือกใช้สีของรูปปั้นเด็กผู้หญิงให้กลืนไปกับต้นไม้และหิน แต่กับเด็กผู้ชาย (ที่สูงกว่า) ก็เลือกใช้สีที่กลืนไปกับท้องฟ้าและใบไม้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ยอมใจแล้ว
Travel Guide