สบตากับศิลปะระดับมาสเตอร์พีซของโลกในนิทรรศการ “From Monet to Kandinsky”
ศรัณยู นกแก้ว | Writer | 26 April 2019
ศรัณยู นกแก้ว | Writer | 26 April 2019
ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในเอเชียกับการยกนิทรรศการดังระดับโลก “From Monet to Kandinsky” ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ย้ายมายังกรุงเทพฯ ในห้องนิทรรศการขนาด 1,200 ตารางเมตรริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ อาร์ซีบี แกลเลอเรีย ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
Pic: Visions Alive
“From Monet to Kandinsky” โด่งดังจนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในแวดวงศิลปะรวมถึงคนที่เพิ่งรู้จักงานศิลปะก็เพราะนิทรรศการนี้เป็นการรวบรวมผลงานระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินดังระดับตำนานในช่วงศตวรรษที่ 19-20 นับรวมได้ 16 ศิลปิน อิ่มตาไม่ต่ำกว่า 1,500 ภาพ โดยแปรเปลี่ยนจากงานต้นฉบับภาพนิ่งเป็นงานศิลปะรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเทคนิคการฉายโปรเจกเตอร์เข้ากับดนตรีคลาสสิกที่นำมาจับคู่กับอารมณ์และความหมายกับงานแต่ละชิ้น แน่นอนว่าผู้ชมสามารถถ่ายรูป ถ่ายคลิป นั่งชม หรือแม้แต่นอนชมได้ตามอัธยาศัย
คุณลินดา เชง กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก บอกเล่ากับเราว่า ที่ผ่านมาศิลปะและอาร์ตแกลเลอรีมักมีช่องว่างอยู่ตรงกลางที่ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่สายศิลปะไม่กล้าเดินเข้าไป แต่การเปลี่ยนรูปแบบการจัดแสดงผลงานโดยใช้สื่อใหม่ๆ เช่น โปรเจกเตอร์ และภาพเคลื่อนไหวเข้ามาผสมผสานจะทำให้คำว่าศิลปะซึ่งเป็นของขมสำหรับหลายคนกลายเป็นความสนุกและจับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจาก “From Monet to Kandinsky” จึงไม่ใช่การล้อมวงดูผลงานภาพวาดต้นฉบับอย่างเงียบๆ ทว่า Vision Multimedia Projects ซึ่งเป็นบริษัทผู้ทำงานเบื้องหลังได้นำอารมณ์ของแต่ละภาพมาสื่อสารผ่านภาพเคลื่อนไหว จากนั้นฉายลงบนผนังขนาดใหญ่ในรูปแบบที่ผู้ชมสามารถหมุนตัวดูได้รอบชนิด 360 องศา อย่างรูป The Scream ของเอ็ดเวิร์ด มุงค์ ก็มาพร้อมกับกลุ่มควันและบรรยากาศของห้องที่เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ถ้าได้ดูของจริงก็อาจไม่น่ากลัวขนาดนี้ก็เป็นได้ หรืออย่างงาน The Starry Night ของวินเซนต์ แวน โก๊ะ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนล่องลอยไปสู่ความงามของหมู่ดาวได้จริง
Pic: Visions Alive
Pic: Visions Alive
สำหรับผลงานของศิลปินที่นำมาจัดแสดงนั้นเน้นไปที่งานสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ ซึ่งมีศิลปินคนสำคัญอย่างโคลด โมเนต์ เป็นเหมือนภาพสะท้อนของยุคนั้น และแน่นอนว่าอิมเพรสชันนิสม์ถือเป็นขบถของวงการศิลปะในยุคนั้น นอกจากงานของโคลด โมเนต์แล้วนิทรรศการครั้งนี้ยังครบทั้งแอดการ์ เดอกา, ปอล โกแก็ง, วินเซนต์ แวน โก๊ะ, ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์, เอ็ดเวิร์ด มุงค์, กุสตาฟ คลิมท์ ฯลฯ เรียกว่าไม่ต้องเดินทางไปไกลครบทุกประเทศในยุโรปก็สามารถชมงานระดับโลกได้ในที่เดียว
การเข้าชมที่ดีที่สุดเราแนะนำว่าให้เตรียมเวลาอย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมงสำหรับการรับชม เพราะในนิทรรศการครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ห้อง แต่ละห้องฉายภาพทั้ง 1,500 ภาพหมุนเวียนไป กว่าจะครบก็ 1 ชั่วโมงเศษ โดยในห้องนิทรรศการใหญ่จะเป็นภาพกว้างในพื้นที่ที่กว้างขวางกว่า ส่วนในห้องนิทรรศการเล็กจะมีการย่อขยายขนาดภาพเพื่อให้ได้มุมมองที่ต่างออกไป
แม้ว่างานนี้จะไม่มีคำบรรยายใต้ภาพ ไม่มีภัณฑารักษ์คอยสื่อความหมาย แต่ด้วยดนตรีและจังหวะการเคลื่อนไหวก็สามารถทำให้เราสัมผัสถึงอารมณ์ของภาพได้ไม่ยาก และดูจบปุ๊บก็ทำให้อยากออกเดินทางไปดูงานของจริงกันเลยทีเดียว
Before Going