อรุณี ชูบุญราษฎร์ | writer | 02 November 2019
คนญี่ปุ่นหลงใหลในรสชาติและกลิ่นของกาแฟ จึงมีร้านกาแฟ รถกาแฟ มุมกาแฟแทบจะทั่วทุกถนน ที่น่าสนใจคือมีผู้คนนั่งดื่มทุกที่ ที่ฉันรู้จักย่าน Kiyosumi-Shirakawa ที่ชื่อจำยากแต่จำได้ก็เพราะเป็น Café Town ของโตเกียว แหล่งฮิปรวมคาเฟ่ เก๋ๆ ที่ยั่วยวน ให้ดั้นด้นไปดื่มกาแฟมาแล้วครั้งหนึ่ง และไม่เบื่อที่จะไปอีกเมื่อมีโอกาส
ครั้งนั้นได้ทำความรู้จัก Blue Bottle ร้านกาแฟดังจากโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย ที่มีโลโก้ขวดสีฟ้าให้จดจำ สาขานี้ได้เปลี่ยนโกดังทึบมาเป็นคาเฟ่และโรงคั่วกาแฟที่เก๋ สะดุดตา มีกระจกด้านข้างตลอดแนวอาคาร เป็นช่องให้แสงสว่างส่องเข้ามาในร้าน ลูกค้าที่มาดื่มกาแฟในร้านจะได้เห็นกระบวนการคั่วบดเมล็ดกาแฟที่ใช้ทั้งในร้านเอง และนำส่งร้านสาขาอื่นๆ ในญี่ปุ่น
ที่นั่งมีให้เลือกทั่งในร้านและหน้าร้าน เราจึงได้กลิ่นกาแฟคั่วตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึงร้าน บาริสต้าของ Blue Bottle น่ารัก ให้บริการด้วยความตั้งใจ กาแฟที่ใช้เวลาหน่อยคือ Drip Coffee ส่วนฉันต้อง ลาเต้ร้อน ขอบอกว่า กาแฟที่นี่เข้มมากต้องกินกับขนม แม้มีขนมไม่เยอะ แต่ที่เราเลือกมาอร่อย จนต้องสั่งเพิ่ม
อีกร้านที่ดั้นด้นหาคือ AllPress Espresso กาแฟจากนิวซีแลนด์ เอกลักษณ์ของที่นี่คือการใช้วิธีคั่วแบบ Hot Air Roasting ที่สามารถควบคุมให้รสกาแฟเหมือนกันทุกสาขา สำหรับสาขานี้ไม่ใหญ่เท่า Blue Bottle แม้จะตั้งอยู่มุมถนนแต่ร้านก็เลือกปิดด้านหน้าและด้านข้าง แล้วมีประตูเข้าออก 2 ทางแทน
ในร้านมีเคาน์เตอร์เล็กๆ ที่นั่งไม่มาก พื้นที่ครึ่งหนึ่งยกให้เป็นส่วนของโรงคั่วกาแฟที่เปิดให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการผลิต ใครไม่ชอบกาแฟ เข้าไปอาจเมากาแฟได้ แต่สำหรับฉันหอมจริง ฉันว่าการดื่มกาแฟที่มีความสุข ส่วนหนึ่งคือเรื่องของสถานที่ ร้านกาแฟญี่ปุ่นจึงใส่ใจกับการออกแบบร้าน ที่นี่เราเลือกนั่งด้านนอกหน้าร้าน ที่นานๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาที มีกลิ่นไม้จากโรงไม้ใกล้ๆ หอมเพิ่มขึ้นไปอีก
เราเกือบได้ดื่มกาแฟ 3 แก้วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ถ้าเราไม่พลาดร้านเด็ดไปร้านหนึ่ง เพราะร้านปิดวันจันทร์ ปีนี้ 2019 ฉันกลับมาย่านนี้อีก เมื่อมาถึงความรู้สึกเดจาวูกลับมาเพราะวันนี้วันจันทร์ ร้านที่ติดค้างจากทริปที่ แล้วปิดเงียบเหมือนเดิมได้แต่คิดว่าทำไมเราเลือกมาแถวนี้วันจันทร์ทุกทีนะก็เลยต้องเดินหาที่หมายใหม่ คือร้าน Hikidashi Café
ร้านนี้ไม่ได้เป็นร้านกาแฟอย่างเดียว แต่เป็นคาเฟ่ที่มีอาหาร เครื่องดื่ม บริการ หน้าร้านไม่มีป้ายชื่อภาษา อังกฤษ แต่ถ้ามองเข้าไปเห็นตู้ลิ้นชักเยอะๆละก็ แสดงว่ามาถูกแล้ว มีคนบอกว่า Hiki ในภาษี่ปุ่นแปลว่า ดึง และ dashi แปลว่า ออกมา รวมเป็นคำนามแปลว่า ลิ้นชัก จึงเป็นที่มาของการตกแต่งที่ลิ้นชักนั้นใช้ใส่ของที่วางขายในร้านด้วย
ฉันไปถึงตอนเที่ยงพอดี หนุ่มพนักงานถามว่าฉันมาดื่มกาแฟหรือกินข้าว เพราะช่วงเที่ยงถึงบ่ายต้นๆเขาเก็บที่ไว้ให้ลูกค้าที่มากินมื้อเที่ยงก่อน ฉันตอบว่า 2 อย่าง เลยได้นั่งโต๊ะติดกระจกหน้าร้าน พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่สื่อสารด้วยคำสั้นๆ ได้ ฉันจึงได้ ข้าวหมูอบ 1 จาน ระหว่างรอมีซุปเสิร์ฟในถ้วยกาแฟมาให้จิบก่อน
จานที่สั่งมีข้าว หมูอบ มัสตาร์ด มันบด เลม่อน ถั่วงอกดอง และผลไม้คือสับปะรด กับส้ม ปิดท้ายด้วยกาแฟ 1 แก้ว ร้านนั่งสบาย อาหารอร่อยใช้ได้ มีลูกค้าพอสมควร พอบ่ายจะเสิร์ฟกาแฟ ขนม เพราะอยู่ใกล้โรงเรียน แม่ๆ แวะมากัน ส่วนเย็นหลังเลิกงานก็มีเครื่องดื่มบริการ ให้บริการจบครบทุกช่วงเวลาในหนึ่งวัน
กินข้าวเสร็จเขาเสิร์ฟกาแฟให้อีก 1 แก้ว ฉันดื่มเสร็จยังไม่อิ่มใจเพราะยังไม่ได้นั่งดื่มกาแฟ กินขนมจริงๆ เลย ไปตามหากาแฟต่อ คราวนี้ต้องนั่งรถไฟไปอีก 1 สถานี ลงที่ Tomioka เพราะมีริวิวแนะนำร้านกาแฟในชุมชนชื่อ Monz Cafe ที่น่าสนใจ
Monz Cafe ตั้งอยู่ในทางข้าสู่ศาลเจ้าจึงได้ปรับเปลี่ยนการตกแต่งภายในและภายนอก ให้ลูกค้านั่งได้ฉัน เดินผ่านร้านเห็นยังไม่มีที่นั่งว่าง เลยเดินไปสักการะศาลเจ้า Tomioka Hachimangu ที่อยู่ด้านในก่อน โดยไม่รู้หรอกว่าศาลเจ้านี้มีความสำคัญขนาดไหน แต่พอมาหาประวัติอ่านเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่า ศาลเจ้าโทมิโอกะ ฮาจิมังงุ เป็นศาลเจ้าสักการะเทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งมีอยู่กว่าสี่หมื่นแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ศาลเจ้าในเขตโคโตะ ของโตเกียว แห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโซนชิตามาจิ รู้จักกันในฐานะเทพเจ้าฮาจิมังแห่งฟุคากาวะ
ฉันเห็นชาวญี่ปุ่นเดินเข้ามาไหว้ศาลเจ้าแล้วเดินกลับออกไปเหมือนเดินผ่านวัดก็แวะเข้ามาสักการะเพื่อความ เป็นสิริมงคล ฉันเลยไหว้ด้วย ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เดินทางปลอดภัย พอเดินกลับออกมาอีกทีในร้านมีที่นั่งว่างแล้ว ตอนแรกว่าจะสั่งกาแฟเย็น แต่พอเห็นน้ำผึ้งมะนาวเกิดอยากดื่มอะไรที่สดชื่นขึ้นมาเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว เลยสั่งมากินคู่กับเค้กกล้วยหอม เสิร์ฟคู่กับชีสและซ้อสผลไม้ มีกล้วยหอมซ่อนอยู่ข้างในนี่เป็นขนมซิกเนเจอร์ของร้านเลย
ที่นั่งในร้านมีไม่ถึง 20 ที่ ลูกค้าน่าจะเป็นคนแถวนั้น ส่วนหนึ่งนั่งทำงาน กลุ่มหนึ่งพบปะพูดคุยกันระหว่างนั้นมีคุณตาคุณยายคู่หนึ่งจูงมือกันเข้ามาในร้าน คุณตาพาคุณยายมานั่ง ตอนนั้นมีโต๊ะว่าง โต๊ะหนึ่งอยู่ติด กระจกร้าน อีกโต๊ะถัดเข้ามา คุณตาให้คุณยายเลือกที่นั่ง คุณยายเลือกโต๊ะที่ 2 พอพาไปนั่งแล้วก็ถามว่าดื่มอันนี้ใช่มั้ย แล้วจึงเดินกลับไปสั่งที่เคาน์เตอร์ พอสั่งเสร็จหันมาถามคุณยายว่า เอาขนมนี่นะ แล้วกลับมานั่งด้วยกัน พอกาแฟมาเสิร์ฟ คุณตาแกะน้ำตาลเติมละชงให้ แกะกระดาษเปียกให้ เปิดฝาขนม น่าจะเป็นเค้กช็อกโกแลตในถ้วยฟอยล์ให้ แล้วชวนคุยตลอด คุณยายใช้ช้อนตักกาแฟดื่มทีละช้อนๆ คุณตาดื่มของตัวเองพร้อมกับคอย บริการภรรยา ท่าทางทั้งคู่มีความสุขมากๆ
ฉันไม่ได้ยินเสียงพูดคุย หรือได้ยินก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ภาษากาย การกระทำ เหมือนหนังเงียบที่บรรยายเรื่องราว ให้เราได้เข้าใจ เมื่อทั้งคู่ดื่มและกินขนมเสร็จจึงประคองกันออกจากร้าน ฉันต้องยอมทิ้งขนมกับ เครื่องดื่ม เดินตามออกไปขออนุญาตในใจถ่ายรูปของทั้งคู่ แต่เป็นภาพด้านหลังของทั้งสองที่เดินไปด้วยกันช้าๆ แต่มั่นคงด้วยมือทั้งสองที่เกาะกุมกัน ...นี่เป็นฉากซาบซึ้งฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟ และกลายเป็นภาพจำของฉันในวันนั้น